Friday, December 23, 2005

HP 6

วันนี้ไม่ที่บริษัทหยุดคริสมาสต์
ทั้งๆที่ต้องมีงานให้เคลียร์เยอะแยะ
งานหลวง งานราษฎร์ งานฝิ่น
แถมตอนเย็นยังนัดกันไปเที่ยวต่างจังหวัดกับพี่ๆ

แต่สิ่งที่ทำจริงๆคือนอนอ่าน แฮรี่ เล่ม 6
ตั้งแต่เช้า หว่าจะจบก็หนึ่งทุ่ม

เล่มนี้เจ้าพ่อแฮรี่ ดูเจ้าอารมณ์น้อยลง
แต่เฮอร์ไมโอนี่กลับดูฉลาดน้อยลงไปนิด

และแน่นอน มีคนตายอีกแล้ว
รู้สึกว่าหลังๆเนี่ยจะมีทุกภาคเลย

ข้อสังเกตุอีกอย่างที่เพิ่งรู้สึกคือ
JK ชอบให้เรื่องสำคัญๆเกิดในถ้ำ
สงสัยจะได้บรรยายสภาพถ้ำเยอะๆ
หนังสือจะได้ยาวละมั้ง




- - - - - - - - - - -


คนส่วนใหญ่มักยินดีที่จะให้อภัยคนผิด
มากกว่าที่จะยกโทษให้กับคนที่ถูก

Thursday, December 22, 2005

ราคาที่ต้องจ่าย



"นี่ยังดีนะที่ไม่ลาออกไปเมื่อปีที่แล้ว ไม่งั้นตอนนี้"

พี่ชายฉันพูดขึ้น ในวันที่พวกเรากำลังปรึกษากัน
เรื่องค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นกับการรักษาแม่
เฉพาะค่ายาอย่างเดียวก็เดือนละประมาณสองหมื่นห้า
ไม่ใช่แค่หนึ่งหรือสองเดือน แต่มันหมายถึงตลอดไปนับจากนี้

"แค่นี้นะจ่ายไหว แต่มัน" ฉันพูดบ้าง
"ไม่อยากจ่าย" พี่ชายฉันพูดต่อ
"ก็ถ้ามีทางอื่นให้เลือก" ฉันยิ้มเก้อๆ

ทางเลือกที่ฉันว่า คือการที่พี่ชายใช้สวัสดิการของข้าราชการ
ที่สามารถเบิกค่ารักษาพยาบาลพ่อแม่ได้

"นี่แหละข้อดีของอาชีพรับราชการ
ถ้าปีที่แล้วทำตัวเป็นศิลปิน
อยากทำงานอิสระ ทนไม่ได้กับระบบ วันนี้ก็คง"

พี่สาวพูดราวกับจะสั่งสอนบรรดาน้องๆ
ที่ชอบทำอะไรตามใจตัวเอง

เรื่องนี้ทำให้ฉันกลับมานั่งทบทวนกับตัวเอง
ทบทวนเพื่อวางแผนการป้องกัน
หากปัญหาแบบนี้มันเกิดขึ้นกับฉัน
หรือคนอื่นๆที่ฉันต้องรับผิดชอบ

ฉันจะต้องทำอย่างไร
เงินเก็บทั้งหมดจะหายไป
จะดำรงชีพอยู่อย่างไร






สวัสคะคุณเฟิง ดิฉัน...โทรจาก(ชื่อบริษัทประกัน)
ทางเรามีความยินดีเรียญเชิญคุณเฟิงเข้าร่วมประกันรายได้กับเรา
หากคุณเฟิงเข้าโรงพยาบาลเราจะจ่ายให้วันละสองพันบาท
ค่าผ่าตัดครั้งละสองหมื่นบาท
หากต้องพักรักษาตัวก็จะจ่ายคาชดเชยให้
วันละสองพันบาทติดต่อกันห้าร้อยวัน
ในกรณีที่เสียชีวิตจะจ่ายเงินเลี้ยงชีพให้เจ็ดแสนบาท
หากเกิดเสียชีวิตจากอุบัติเหตุจะจ่ายเงินเลี้ยงชีพให้หนึ่งล้านสามแสนบาท

คุณเฟิงจ่ายเพียงวัยละยี่สิบเอ็ดบาท
จะรับความคุ้มครองหนึ่งปีหรือยาวถึงสิบปีก็ได้
ทางเราเรียนเชิญคุณเฟิงเป็นพิเศษ
ไม่ทราบว่าทางคุณเฟิงมีข้อกังวลอะไรหรือเปล่าคะ


พนักงานร่ายยาว


ไม่มีข้อสงสัยอะไรครับ
ฉันตอบ

งั้นเราจะส่งเอกสารไปให้คุณเฟิงเซ็นต์เลยนะคะ
เธอกล่าว

ขอเวลาตัดสินใจหน่อยนะครับ
ฉันปฏิเสธ

คุณเฟิงกังวลตรงไหนหรือเปล่าคะ
เธอย้ำ

เปล่าครับ
ฉันตอบ

งั้นทำไมยังไม่ตัดสินใจละคะ
เธอถาม

ก็ขอเวลาคิดหน่อยได้ไหมละครับ
ฉันถามบ้าง


ฉันกับเธอพูดประโยคทำนองนี้กับอีกหลายนาที
ฉันเธอว่าฉันสนใจ แต่ขอเวลาตัดสินใจ
แต่เธอแยกไม่ออกระหว่างการขอเวลาตัดสินใจกับความกังวลใจ

จริงๆ ปีละเจ็ดพันกว่าบาท
มันไม่ได้มากมายเลยสำหรับรายได้ที่ฉันรับ
แต่ฉันเองก็ยังไม่อยากจ่าย





From:...
Subject: ระดมทุน + เลือดช่วย...
Date: Tue, 20 Dec 2005 23:54:06 -0800 (PST)

เรื่อง - ระดมทุน + เลือดช่วยชบา

พี่ๆ เพื่อนๆ ที่รัก

คงได้ข่าวกันมาบ้างแล้วว่า (ชื่อคน สมมุติ ชื่อ นาย ซี)
ป่วยเป็นลูคีเมียชนิดเฉียบพลัน
สถานการณ์ตอนนี้คือ วันนี้ (21 ธ.ค.)ซียังอยู่ห้อง
R.C.U. โรงพยาบาลกรุงเทพ
เพื่อนๆและญาติกำลังพยายามหาทางย้ายชบาไปรพ.ของรัฐ

...ได้รับการถ่ายเลือดเร่งด่วนไปแล้ว 1 ครั้ง
และรับเคมีบำบัด (คีโม) อยู่ ซึ่งในระยะ 1 เดือนนี้เป็นช่วงวิกฤติ
หมอบอกว่าชบาต้องทำเคมีบำบัดอีก5 ครั้ง ซึ่งอย่างที่รู้ๆ กันอยู่ว่าต้องใช้เงินมาก
และซีก็เป็นฟรีแลนซ์ ไม่มีสวัสดิการอย่างพนักงานประจำ
ได้ไปใช้บริการ 30 บาทรักษาทุกโรคมาแล้ว และไม่เวิร์ค

จึงอยากบอกข่าวเพื่อนๆ พี่ๆ ที่รู้จักและเป็นห่วงซีว่า
ตอนนี้ได้มีการเปิดกองทุนค่ารักษาซี
ในบัญชีของน้องสาวชบา

ชื่อ .....

นอกจากกำลังใจให้ซีแล้ว
อยากขอเชิญช่วยกันลงขันตามกำลังทรัพย์ มีมากช่วยมาก
มีน้อยช่วยน้อย

อีกอย่างนึงคือซียังต้องใช้เลือดอีกเยอะ
อยากเชิญชวนผู้มีเลือดกรุ๊ปโอ
ไปบริจาคเลือดที่สภากาชาดไทย


ระบุในแบบฟอร์มเลยว่าบริจาคให้ -นาย ซี-


ถ้ามีเลือดกรุ๊ปอื่นก็บริจาคได้เหมือนกันค่ะ
แล้วเขาจะไปแลกเลือดกันเอง แต่ถ้าเป็นกรุ๊ปโอ
ซีก็จะได้โดยตรง อ้อ...ผู้บริจาคต้องน้ำหนักเกิน 45
ก.ก. ควรพักผ่อนให้เพียงพอ และงดดื่มเหล้าเมายา 2
วันก่อนไปบริจาค

ฝากบอกต่อๆ กันไปด้วยนะคะ

ขอบคุณล่วงหน้าแทนชบาค่ะ
...



From : ...
Sent : Wednesday, December 21, 2005 3:56 PM
To : ...
CC : ...
Subject : เพื่อนเราคนหนึ่งเป็นลูคีเมีย


สวัสดีค่ะ
เพื่อนของเราคนหนึ่งเป็นลูคีเมีย
เราเคยได้รับฟอร์เวิร์ดเมลแบบนี้มาก็เยอะ อ่านแล้วลบทิ้งก็เยอะ ไม่อ่านแล้วลบทิ้งก็เยอะ
แต่ครั้งนี้ เราเพิ่งตระหนักว่า มันเป็นเรื่องที่สำคัญต่อชีวิตของคนหนึ่งคน
สำคัญต่อญาติพี่น้องของเขา และ สำคัญต่อเพื่อนๆที่รักเขา มากจริงๆ

ช่วยกันหน่อยนะคะ
...

ปล.พี่ซีจบจิตรกรรม มหาวิทยาลัยศิลปากร
จากนั้นก็ทำหนัง art/production design
หนังหลายๆเรื่อง เช่น ทวิภพ เรื่องรักน้อยนิดมหาศาล แจ๋ว วัยอลวน ฯลฯ




- - - - - - - -


เช้าวันนี้ฉันได้รับจากเพื่อน
ฉันคิดเอาเองว่า
ฉันเข้าใจความรู้สึกของคนทั้งสองคนที่เมลล์มาให้
แต่ฉันก็คิดไปยิ่งกว่านั้น
(คนปากหมา ความคิดไม่ดีแบบฉัน)


พนักงานออฟฟิศ ข้าราชการ คนทำงานอิสระ
สิ่งที่ทุกคนต้องรับ ต้องเจอ ได้มาย่อมต่างกัน
และแน่นอน
ทุกคนก็ย่อมมีราคาที่จะต้องจ่าย

แล้วเมื่อถืงวันที่เราต้องจ่าย
ทุกคนก็มักจะโอดควรญแบบนี้

Wednesday, December 21, 2005

กรุงเทพกรุงนางฟ้า



ฤดูหนาวของเวียดนามในช่วงนี้
มีโอกาสที่จะมีหิมะตกทางภาคเหนือ

- ข่าวจากเว็ปผู้จัดการ



ตอนที่ฉันชวนพี่ๆที่ทำงานไปเที่ยวเวียดนาม เมื่อปีก่อนโน้น
ฉันให้ข้อมูลว่าซาปา ภาคเหนือของเวียดนามเคยมีหิมะตกด้วยนะ
อยากจะไปดูกันหรือเปล่า แต่ยอมมีใครเชื่อ
เราจึงต้องตัดเป้าหมายเมืองนี้ ออกไปจากโปรแกรม

วันนี้ ปีนี้ ฉันได้อ่านข่าวนี้
อ่านในมโนคติแบบนักท่องเที่ยว
ฉันจึงรู้สึกยินดี และก็ตื่นเต้น
และเอาใจช่วยให้มันเกิดอย่างนั้นจริงๆ

แต่สักพักจะก็รู้สึกไปอีกกย่าง
สำหรับชาวเขา หรือชาวพื้นเมืองที่นั่นละ
จะรู้สึกอย่างไร
รอคอยการปรากฏขึ้นของหิมะ
หรืออยากให้มันเป็นพยากรณ์อากาศที่คลาดเคลื่อน





เสาร์-อาทิตย์ อากาศหนาวมากๆ
รู้สึกมีความสุขมากๆ
ได้นอนอยู่บ้านเฉยๆ
วันนี้ไม่อยากมาทำงานเลย


จากในรถไฟฟ้าเที่ยวประมาณหกโมงครึ่งจนถึงทีทำงาน
ฉันได้ยินบทสนทนาทำนองนี้จนขี้เกียจนับจำนวนครั้ง

ลึกๆ แล้วฉันก็อยากรู้สึกแบบนั้น
ถ้าไม่มีบางอย่างมากวนใจ

ภาคใต้ บ้านฉัน กำลังน้ำท่วม
และมันก็เกิดจากผลกระทบ
หรืออิทธิพลของสิ่งที่ทำให้ชาวกรุงมีความสุข

ยิ่งกรุงเทพหนาวมาก หนาวนาน
ภาคใต้ยิ่งมีฝนตกมาก ตกนาน
(ข้อสังเกตุ อาจไม่ใช่ข้อเท็จจริง)

กรุงเทพไม่ผิดที่จะรับลมหนาวจะไซบีเรีย
ภาคใต้ไม่ได้โชคร้ายที่ลมหนาวจะหอบฝนมาด้วย
เพราะโลกนี้มันมีเหตุและผลที่สอดรับกันเสมอ

แล้วมนุษย์ละ
ยังรู้สึกและยอมรับกันอยู่อีกหรือเปล่า
ว่าโลกทั้งผองมันเกี่ยวเนื่องสอดร้อยด้วยกัน




วันนี้อาจจะมีดีเปรสชัน
ผู้หญิงคนหนึ่งกล่าวขึ้น

น่าจะเป็นไต้ฝุ่นไปเลย
จะได้กวาดพวกชั่วๆไปให้หมด
กวาดมันลงทะเลไปให้หมดเลย
แมร่งงงงง คนเขาเข้าไปช่วยแท้ๆ
พวกมันยังจะลอบทำร้าย
ผู้หญิงอีกคนต่อบทสนทนา


บทสนทนาดังกล่าว
ลอยตามลมมาเข้าหูฉัน
โดยที่ฉันไม่ได้เจตนา
หากจะเจตนาก็อยากเจตนาให้ไม่ได้ยิน

เพราะฉันไม่อยากมานั่งวัดคุณธรรมของตัวเอง
กับเรื่องที่ฉันเองยังไม่สามารถเข้าใจอะไรได้มากนัก

พวกนายอำเภอเข้าไปช่วยผู้ประสบอุทกภัย
แล้วมีพวกก่อการไม่สงบลอบทำร้าย

ฉันเห็นด้วยว่า คนทำมันช่างไร้ซึ่งข้ออ้างใดๆ
เรียกว่า ชั่วโดยสันดาน

แต่การภาวนาในเกิดอุทกภัยหนักๆ
เพื่อกวาดล้างคนเหล่านี้ซึ่งรวมทั้งคนบริสุทธิ์ไปด้วย
มันก็ไม่น่าจะดี
ฉันรู้สึกผิดหวังกับตัวเองมาก
ที่แวบหนึ่งฉันรู้สึกคลอยตามความคิดต่ำๆแบบนี้นะ

หรือว่าฉันคนกรุงเทพกรุงนางฟ้า
ที่ลืมไปแล้วว่า
ประเทศไทยมันประกอบไปด้วยคนอีกมากมาย

Tuesday, December 20, 2005

หนุมาน

ข้าพเจ้าถือหนังสือนิทานเซนเข้าไปหาพี่จิก
พร้อมทั้งพูดว่า ข้าพเจ้าคือหนุมาน ขอลายเซ็นต์หน่อยครับ

พี่จิกบอกว่า
พี่ก็ชอบหนุมาน
เป็นตัวละครที่น่าสนใจที่สูด
มีทั้งด้านดีและด้านร้าย

ข้าพเจ้าบอกว่า
พ่อของข้าพเจ้าชอบบอกว่า
ข้าพเจ้าหน้าเหมือนลิง
ข้าพเจ้าจึงชอบนามปากที่เป็นลิง

เราพูดจากกันแค่นั้น


เรื่องนี้ผ่านมาหลายปีแล้ว
ข้าพเจ้ากลับมานึกถึงมันอีกครั้ง
ตอนที่ข้าพเจ้ายืนอ่านหนังสือเล่มใหม่ของพี่จิก
มังกรไฟไม่เรียนหนังสือ คือชื่อหนังสือดังกล่าว

ครั้งแรกที่เห็นข้าพเจ้านึกถึงหนังสือตระกูล วงกลม สามเหลี่ยม
แต่พอเปิดข้างในก็กลับไปนึกถึงตระกูล นิทานอีสป

มังกรไฟไม่เรียนหนังสือ
เป็นนิทาน มีเพลงประกอบ
โดยความร่วมมือกันของ
พี่จิก ชัยพร บัวไร + ...

เนื้อเรื่องหลักๆ คือมังกรไฟ ที่ไม่ยอมเรียนหนังสือ
ตื่นขึ้นมา หิว ก็อยากกินบรรดาสัตว์ต่างๆ ที่รวมตัวกันอยู่ที่โรงเรียน
เจ้าลิงน้อย ตัวแทนของสัตว์ต่างๆ จึงท้าแข่งกับมังกรห้าข้อ
หากมังกรชนะก็จะยอมให้กิน แต่ถ้าแพ้ก็ต้องปล่อยพวกสัตว์ต่างๆไป

ข้อแรก ช่างน้ำหนักแข่งกัน
ลิงน้อยก็ให้จิงโจ้ใส่ก้อนหินใว้ที่หน้าท้อง จึงชนะ

ข้อสองวัดความยาว
ลิงให้งูมางับห่างต่อๆกัน จึงชนะ

ข้อสาม นับจำนวนฟัน
ลิงให้ฮิปโปอมแม่น จึงชนะ

ข้อสี่ แข่งกันตดเสียงดัง
ลิงให้ช้างมาส่งเสียงร้องจึงชนะ

ข้อห้าแข่งกันพ่นไฟ
ลิงชี้ให้ดูภูเขาไฟ มังกรก็แพ้อีก

โดยส่วนตัว
ข้าพเจ้าไม่ค่อยชอบนิทานเรื่องนี้
ข้าพเจ้ารู้สึกว่าเจ้าลิงน้อยขี้โกง
พาลให้นึกถึงไปว่า
เจ้าลิงน้อยที่ว่านี้คือ หนุมาน นั่นเอง
หนุมานที่พี่จิกชื่นชอบ
หนุมานที่หลายครังชัยชนะมาจากการโกง

Monday, December 19, 2005

ไดโนเสาร์

วันเสาร์

ตื่นนอนประมาณเก้าโมง
ผิดจากความตั้งใจใว้มาก

สิบโมง เพื่อนโทรมาชวนไปกินข้าว
แต่ปฏิเสธไปเพราะรับปากนัดกับอีกกลุ่มหนึ่ง

บ่ายสาม โทรไปหารุ่นพี่กลุ่มโลเลและเลื่อนลอย
ถามสถานที่นัดหมาย
รุ่นพี่บอกว่าจะโทรมาคอนเฟิร์มเวลาและสถานที่อีกที
เลยออกไปเดินเล่นที่สยามพารากอน
เดินไป เดินมา เจอร้าน kinokuniya
ร้านหนังสือขนาดใหญ่ ทำให้นึกถึงร้านดวงกมล
ที่ซีคอนแสคว์สมัยก่อน
ไม่รู้ว่าร้านนี้จะไปรอดไม๊

เดินไปเดินมา
รอโทรศัพท์
เมื่อเริ่มแน่ใจแล้วว่านัดนี้เลื่อนลอยแน่ๆ
จึงเดินไปซื้อตํ๋วหนังเรื่อง kingkong ที่สกาลา
จะดูหนังแบบนี้ต้องดูโรงแบบนี้เท่านั้น
ไม่งั้น ไม่เข้ากัน

หนังเริ่มทุ่มครึ่ง กว่าจะจบก็สี่ทุ่มครึ่ง
ถือเป็นสามชั่วโมงที่ค่อยข้างไปทางผิดหวัง

สงสัยว่าท่านผู้กำกับคงหนีเงาของตัวเองไม่รอด
ดูยังไงมันก็ ลอร์ด ออฟ เดอะริง ภาค ผจญ เกาะคิงคอง ชัดๆ
นี้ยังไม่นับรวมบทหนังที่หลวมโพลก
อย่าง ทำไมคิงคองมีอยู่ตัวเดียว ทั้งๆที่ไดโนเสาร์เดินกันเพ่นพ่าน
หรือ ตอนแรกๆ ที่ขึ้นเกาะขนาดมีปืนยังเกือบไม่รอด
พอผ่านไปสักหน่อยตัวเปล่าวิ่งผล่อเลย ...งง

หรือว่านี่คือธรรมเนียมของคนฮอลลีวูดไปแล้ว
หลังจากประสบความสำเร็จแล้วก็
ให้รางวัลกับตัวเองโดยการทำหนัง(หรือเล่นหนัง)ที่เน้นแต่เงิน

เสร็จจากดูหนังก็เลยไปเดินดูของที่คลองถม
คนเยอะมากๆ เพราะอากาศเย็นมากๆ



วันอาทิตย์

ตั้งใจว่าจะไปฟังบรรยายเรื่อง
อาหารของผู้ป่วยโรคไต
ที่โรงพยายาบาลสงฆ์
เสร็จแล้วก็จะเลยไปดูการประกวดวงโยธวาฑิต ที่สนามศุภฯ
อยากรู้ว่าปีนี้แต่ละวงเป็นยังไงกันบ้าง
แต่จนแล้วจนรอด ก็ไม่ได้ไป

เริ่มต้นวันด้วยการส่งผ้าซัก
เอากล้องไปส่งซ่อมที่พันทิพย์

แล้วก็กลับมาห้องเพื่อเอาคอมพ์กลับไปส่งซ่อมที่พันทิพย์
ต้องใช้เวลาซ่อมสองชั่วโมง
จึงเดินดูมือถือที่มาบุญครอง
ตั้งใจว่าจะเปลี่ยนมือถือซะที
หลังจากใช้เครื่องปัจจุบันมากว่าหกปี

มือถือมันพัฒนาไปเกินกว่าความต้องการใช้จริงๆ
อยากได้เครื่องที่ฟังวิทยุได้ ฟังเอ็มพีสามได้ก็ยิ่งดี
ไม่เน้นเสียงเรียกเข้า มีกล้องหรือไม่มีก็ได้
เดินหาซีเมนส์ แต่ไม่ปรากฏในท้องตลาดเลย
สงสัยหลังจากโดนเทคโอเวอร์ก็หยุดทำตลาดแน่ๆ
สุดท้ายก็เลือกไม่ได้จริงๆ ก็เลยแก้ปัญหาด้วยการซื้อแบตใหม่
แก้ปัญหาเฉพาะหน้าไปก่อน

กลับไปที่พันทิพย์เพื่อรับคอมพ์
ปรากฏว่าเมนบอร์ดเสีย
มีทางเลือกสองทางคือ
ซื้อเมนบอร์ดใหม่ ซึ่งจะใช้กับเรมโบราณของเราไม่ได้
หรือซื้อเมนบอร์ดเก่า(มือสอง)เพราะรุ่นโบราณขนาดของเรา
ไม่มีของใหม่ขายในต้องตลาด
สุดท้ายก็เลยเลือกซื้อของเก่า
แล้วก็นับเวลาถอยหลังเพื่อรอเวลาเสีย

กลับมานั่งนึกๆดู
เรานี่มันไดโนเสาร์จริงๆ
กล้องล้าสมัย
คอมพ์ก็โบราณ
มือถือยิ่งโบราณกว่า

หรือ
ถึงคราวต้องสังคยนาใหม่ซะที


อ้อ
รู้สึกดียังไงบอกไม่ถูก
เหมือนต่อไปก็ไม่ต้องพึงใครสักเรื่องนึง
สามารถจัดการทุกเรื่องด้วยตัวเอง
รู้สึกขนาดนั้นเลยแหละ
เวอร์หน่อยๆ


หมายเหตุ

1. คอมพ์เสียมากว่าสามเดือน
รอให้เพื่อนมาซ่อมให้
รอมาสี่เดือน
นานกว่าคอมพ์เสียอีก


2. ที่ไม่ได้เอาคอมพ์ไปตั้งแต่รอบแรก
เพราะไม่กล้า ต้องเดินไปสำรวจสถานที่ก่อน
เพื่อความแน่ใจ

Friday, December 16, 2005

ตาลปัด

เธอจะรู้สึกอะไรไหม
ถ้าวันหนึ่ง
ทุกอย่างกลับตาลปัด
มดมีขนาดเท่ากับช้าง
นกกระจอกกลับเป็นพญาอินทรีย์
แสงจากหิ้งห้อยร้อนแรงเท่าดวงอาทิตย์

สำหรับฉันก็คงจะกลัว
ทุกอย่างมันคงโกลาหล

แต่เชื่อฉันเถอะว่า
สักพัก
เมื่อความลงตัวก็จะมาเยือน
ฉันก็จะเริ่มชิน และเลิกกลัว

Thursday, December 15, 2005

ไปเที่ยว

คือว่า วันที่ 23-25 นี้
เป็นวันหยุดของข้าพเจ้า
กำลังวางแผนเที่ยว
สถานที่ที่สนใจมีดังนี้

ดอยหลวงเชียงดาวในห้วงฝัน สูงอันดับ 3 ของไทย
http://www.trekkingthai.com/board/show.php?Category=trekking&forum=25&No=40059

ดอยผ้าห่มปก+อ่างขาง ทริป 2 in 1 ดอยสูงอันดับ 2 กับดอกไม้สวย ๆ ที่อ่างขาง
http://www.trekkingthai.com/board/show.php?Category=trekking&forum=25&No=40103

ดอยม่อนจอง Unseen Thailand+แม่เตี๊ยะ+แม่ปิง
http://www.trekkingthai.com/board/show.php?Category=trekking&forum=25&No=40062

จากการสำรวจข้อมูลข้าพเจ้าเชื่อมันว่า
ช่วงเวลาดังกล่าวเป็นช่วงเวลาที่ปลอดคนที่สุดในรอบเดือนนี้
และทุกที่ก็กำลังสวยที่สุด

Wednesday, December 14, 2005

Hide away

วันศุกร์

พยายามหาที่พักบนเกาะเสม็ด
ได้รายชื่อมาหลายที่
ที่รับจองก็เต็มแล้ว
ที่เหลือก็ไม่รู้จะติดต่อยังไง


วันเสาร์


นัดเพื่อนตีสี่
ตั้งนาฬิกาปลุกตีสี่ตามนัด
ตื่นตีสี่ตามนัด
แต่ว่าจะไปถึงที่นัดก็ตีห้ากว่าๆแล้ว

ถึงท่าเรือบ้านเพ
ตอนประมาณเจ็ดโมงครึ่ง
ก็เลยได้ไปกับเรือเที่ยวแปดโมง

ถึงเกาะตอนเก้าโมงตรงๆ
บอกรถว่าไปอ่าวนวล
แต่ปรากฏว่ารถไปส่งที่อ่าวทับทิม
แล้วก็บอกว่าเดินไปอีกหน่อยก็ถึงที่หมาย

เดินไปถามที่พัก
หาดทับทิม ที่รถเามาทิ้งใว้ เต็ม
เดินไปอ่าวนวล ก็เต็ม
ไปหาดลุงหวัง ไม่เต็ม
แต่เพื่อนบอกว่าเหมือนซ่อง
(มันพูดแบบนี้จริงๆ)

เลยไปอีกหาดก็เต็ม
มีที่ไม่เต็มก็ไม่น่าพัก
ด้วยเหตุผลเหมือนเดิม

เมื่อหมดปัญญา
ก็ต้องนึกถึงที่พึ่งสุดท้าย
นิมมานนรดี

แต่ไอ้นิมมารนรดี
มันก็อยู่ไกลซะเหลือเกิน
เกินกว่าจะเดินไปถึงได้
จึงต้องเหมารถให้ไปส่ง
เจ้าของรถเรียกหกร้อยบาท
เพราะบอกว่าไกลมาก และที่พักก็แพงมากนะ
ต่อรองเหลือแค่สามร้อยบาท

แล้วรถก็พามาส่งรีสอร์ทหรู ที่ปลายเกาะ
มองไปเห็นสระว่ายน้ำ อยู่ติดทะเล
ถามยามว่า ใช่นิมนานรดีหรือเปล่า
ยามพยักหน้าว่าถูกต้องแล้ว
คนขับยืนยันอีกว่านี่แหละนิมมานรดี
เราก็เลยตรงดิ่งเข้าไปเพื่อเช็คอิน
พร้อมทั้งแสดงอาการตกหลุมรักรีสอร์ทแห่งนี้

แต่ปรากฏว่าไม่มีชื่อเราในรายการจอง
พนักงานต้อนรับถามเพื่อความแน่ใจ
ถามไปถามมาก็ได้ความ ผิดที่
ที่นี่คือ ปารดี บูติครีสอร์ทที่หรูที่สุดบนเกาะนี้
ราคาต่อคืน หนึ่งหมื่นแปดพันบาท

แล้วเรื่องจะดำเนินต่อไปยังไง

เรื่องมันง่ายๆ
ก็แค่ไปที่นิมมานรดีซะสิ

อือ
มันง่ายแค่นั้นแหละ

แต่ นิมมานรดีมันอยู่ตรงไหนละ
แล้วจะไปยังไง
เพราะรถที่มาส่งก็กลับไปแล้ว
และนี่ก็ปลายเกาะสุดๆ ไม่ต้องหวังว่าจะมีรถผ่านมา

นั่นแหละคือปัญหา

ด้วยอานิสงของเด็กน้อยวัย 0.8 ขวบ
ก็ทำให้พาพวกเราไปถึงนิมมานรดีจนได้
แม้จะทุลักทุเล เต็มไปด้วยเรื่องน่าหงุดหงิด

แล้วพวกเราก็ตกหลุมรักอีกรอบ

นิมมานรดี รีสอร์ทเล็กๆ ขนาดสิบเอ็ดห้อง
เป็นอาคารแปดเหลี่ยม
เต็มไปด้วยหน้าต่าง
มีหาดส่วนตัว ที่เงียบและสงบ
เราตกลงพักที่นี้สองคืน

เมื่อเข้าที่พักเราก็อาบน้ำ ทานข้าว
แล้วก็แยกย้ายกันไปทำกิจกรรมที่ชอบ
นอนอ่านหนังสือ นอนฟังเพลง ดูหนัง เล่นน้ำ
แล้วแต่ถนัด

ตกเย็น เราก็เดินไปดูพระอาทิตย์ตกดิน ที่หลังบ้าน
กลับมาก็ดินเนอร์กันที่ห้องอาหารปลายแหลม



วันอาทิตย์



ตื่นมาดูพระอาทิตย์ขึ้นที่หน้าบ้าน
แล้วก็นอนอ่านหนังสือรับลมทะเล
ทานข้าวเที่ยง
นอน
เล่นน้ำ
แล้วก็ทานข้าวเย็น
ดูคอนเสิร์ตที่มีให้ยืมเยอะแยะ
(เราดูพูดพร่ำฮัมเพลงรัก - ที่ในนั้นมีฉันถูกถ่ายในฐานะคนดูด้วย เพิ่งรู้)
แล้วก็นอนรับลมทะเล


วันจันทร์


ตื่นมาเล่นน้ำ
เดินเล่น
แล้วก็เก็บของกลับตอนเที่ยง

อยู่ที่นี้เหมือนอยู่รีสอร์ทส่วนตัว
เพราะเงียบและสงบมากจริงๆ
แทบจะไม่ค่อยมีคนออกมาเดินให้เห็นเลย
ทั้งๆที่ห้องพัก็เต็มทั้งสิบเอ็ดหลัง

ถ้าสงสัยว่า แล้วคนอื่นๆอยู่ไหน
ไม่ต้องสงสัย เพราะเขาก็ทำกิจกามของเขานั่นแหละ
อะอะ ไม่ช่ายการพิมพ์ผิด
กิจกรรมที่เป็นกิจกาม จริงๆ

เพราะเกือบทุกห้อง จะเป็นคู่รักชายหญิงมาพัก
ทานข้าวเช้าเสร็จก็จะเปิดประตูประกอบกิจกาม
เสร็จกิจกาม ก็ออกมานั่งเล่น นอนเล่น
กระหนุงกระหนิง เกาะแบบแกะไม่ออกที่หน้าบ้าน
สักพักก็จะปิดห้องอีกรอบ
วนเวียนแบบนี้ทั้งสามวัน
อันนี้พวกฉันไม่ได้ปรักปรำใคร
ทั้งภาพและเสียงมันยืนยันอย่างนั้น


ฉันบอกเพื่อนว่า
อย่างงี้แต่ละห้องจะมีหน้าต่างชมวิวทะเล
270 องศาใว้ทำไม
ถ้าคนใช้พร้อมใจกันปิดม่าน
ทำกิจกามกันทั้งวัน
แล้วทำไมต้องถ่อกันมาถึงเสม็ด
เพื่อจะทำกิจกามกันอย่างเดียวฟะ

เพื่อนฉันมันย้อนว่า
ไอ้พวกองุ่นเปรี้ยว
ฉันก็เงียบไปเลย
เถียงไม่ออก



สรุป


นิมมานรดี
รีสอร์ท ที่เหมาะแก่การทำกิจกาม
หากใครอยากฮันนี่มูน แบบเกาะส่วนตัว
แนะนำที่นี่
หรือหากใครอยากได้บรรยากาศบบเกาะไกลๆ แถว อันดาดัน
แต่ไม่มีเวลา(มีเงินนิดหน่อย) ก็ขอแนะนำที่นี้
เพราะเพียงแค่เสาร์-อาทิตย์
ก็เพียงพอแล้วสำหรับ hide away


ปล.
รูปติดใว้ก่อน เพราะตอนนี้กล้องเสีย

Friday, December 09, 2005

วางแผน 02

ถามรุ่นพี่ที่ทำงานว่า สุดสัปดาห์นี้ไปไหน
แกบอกว่า ไปถ่ายรูปน้ำตกแถวๆ ทุ่งใหญ่นเรศวร
ถามกลับว่า มีที่ว่างอีกไหม
แกบอกว่า ไปรถกระบะ มีที่ว่างเยอะ

เมลล์ถามรุ่นพี่ที่สนิทว่า สุดสัปดาห์ไปไหน
เขาตอบกลับมาว่า ไปทะเลแถวๆ นี้แหละ ยังไม่สรุป
เขาถามกลับมาว่า แล้วเราจะไปไหน
ตอบกลับไปว่า ยังไม่แน่ใจเลยครับ

เพื่อนโทรมาหา ถามว่าตกลงจะไปเสม็ดกับเขาไหม
ถามกลับไปว่า จะพักไปที่ไหน
มันบอกว่า นิมมานรดี ที่แหลมปะการัง
พร้อมทั้งสำทับว่า ค่าห้องคืนละ 3800
ต้องการคนไปช่วยหาร
ลำพังสามี ภรรยา และ ลูกชายวัย 0.8 ขวบ
เกรงว่าจะต้องจ่ายมากเกินไป

สรุปถึงเวลานี้
ผมยังไม่รู้เลยว่าสุดสัปดาห์
จะจรไปนอนไหน

เอาเป็นว่า
แล้วแต่ชะตาจะพาไป

Thursday, December 08, 2005

Destinations

โครงการ 2,000,000 free seats ของ airasia
Booking Period: 7 - 28 December 2005
Travel Period: 7 February - 10 October 2006
ทำข้าพเจ้าไม่เป็นอันทำอะไรมาสองวันแล้ว
เพราะมัวแต่พยายามจองตั๋วเครื่องบิน
ก็ค่าเครื่อง 0 บาท ชัดๆ คือ ฟรี
มีแต่ค่าสนามบินและค่าน้ำมัน
จะไม่ไห้เย้ายวนใจได้อย่างไร

บาหลี ไปกลับ ก็แค่สามพันกว่าบาทเอง
ฮานอย เวียดนามก็ถูกมากๆ น่าไปอีกรอบ
ยังไม่นับบรรดาเมืองต่างๆที่ยังๆไม่เคยไปเยือน
Sibu Macua Kinabalu
Singapore Xiamen

หากจองได้เมืองไหนก็น่าไปทั้งนั้น
แค่สามวันก็พอแล้วววววว

เป้าหมายหลักคือ กลับบ้านเน้อ
อันนี้จองได้เท่าไหร่
รับไม่มีอั้น

แต่ถึงบัดนี้
ยังไม่สามารถจองได้สักเที่ยว
เพราะคนแห่เข้าไปแย่งกันซะ
แล้วเนตความเร็วเต่าชราอย่างเรา
จะสู้ใครได้

เพราะฉะนั้น
ก็ต้องพยายามต่อไป
ต่อไป และต่อไป

Wednesday, December 07, 2005

กลับบ้าน

ช่วงนี้กลับบ้านที่ต่างจังหวัดบ่อย
ด้วยความบ่อยจึงต้องหันกลับมาพึ่งพารถทัวร์อีกครั้ง

ขาไปให้พนักงานส่งเอกสารที่ทำงานไปซื้อให้
ได้เที่ยวสามทุ่มของวันศุกร์ที่สอง
รถออกสองทุ่มครึ่งได้มั้ง
ได้ยินแว่วๆว่าเป็นรถเสริม
จึงออกเร็วเพราะคนเต็มเร็ว
...แบบนี้ก็มีด้วย

กว่าจะถึงบ้านจริงๆ
ก็ปาเข้าไปเที่ยงวัน
เพราะรถที่นั่งไปดันขับเวียนรอบจังหวัดซะงั้น
แรกๆ ก็สนุกสนาน ถือซะว่าได้เที่ยวไปในตัว
นั่งรถเที่ยว ริมทะเล สนุกดี
แต่พอนานๆ เข้าก็เริ่มเหนื่อย
อยากให้ถึงจุดหมายซะที

เมื่อถึงจุดหมายก็ซื้อตั๋วกลับ
เป็นวันอังคารที่หก
โดยต้องป่วยการเมืองอีกตามระเบียบ

หลังจากกลับถึงบ้านก็จัดการกับภาระกิจหลักๆ
คือ คุยกับแม่ เจรจากับพี่ แล้วก็จัดการกับหลานๆ
ไม่มีอะไรมากกว่านั้น

แล้วทุกอย่างก็ผ่านไป
(รวดเร็วมาก)

วันนี้ก็กลับมานั่งเฝ้าจอคอมพ์อีกตามเคย
ท่องใว้ในใจว่า เงิน ความสบาย และ ความร่ำรวย

อ้อ
แล้วก็นั่งแอบวางแผนเที่ยว
วันหยุดอาทิตย์นี้จะไปไหนดี
อยากไปเที่ยวที่สวยๆ สบายๆ ไม่ต้องแพง
สงสัยต้องไปเดินป๋าแหงมๆ

Friday, December 02, 2005

ทบทวน

นั่งเปิดปฏิทินดูว่ารอบปีที่ผ่านมาจดอะไรใว้บ้าง
อะไรดีๆที่ได้ทำ
อะไรร้ายๆที่อยากให้ผ่านไป

หลักๆ ก็มีแต่งานแต่งงาน
ปีนี้มีงานแต่งประมาณสิบงาน

เรื่องที่ดีๆ ที่ได้ทำ

ได้ไปเริ่มเรียนภาษาจีน
ได้ไปเรียนทบทวนภาษาปะกิด
ได้ไปออกกำลังกาย เป็นประจำ
ได้ไปทบทวนและเสริมความรู้ทางการงาน


เรื่องร้ายๆ

แม่ป่วย
หมดศรัทธากับผู้คนรอบๆตัว
ความเชื่อดีๆหลายอย่างหายไป
เช่น

หากเราปฏิบัติต่อคนอื่นอย่างไร
เราก็ย่อมจะได้รับการปฏิบัติตอบแบบนั้น

หรือ

คนดีพระเจ้าคุ้มครอง




สำหรับสิ่งที่คาดว่าจะทำให้ได้
ในปีต่อๆไป คือ

พยายามมีวินัยกับตัวเองให้มากขึ้น

วินัยทางด้านการงาน
มาทำงานให้เช้าขึ้น กลับเย็นๆ
รับงานฝิ่นมากขึ้นอีกนิด

วินัยทางด้านการเงิน
เก็บให้มากขึ้น จ่ายให้น้อยลง
อย่าให้ใครยืมเงินเป็นอันขาด
เพราะไม่เคยมีใครคืน
ให้เงินเดือนพี่สาวที่ดูแลแม่

วินัยทางด้านการนอน
รีบนอนให้เร็วที่สุด อย่านอนดึก

วินัยทางด้านการกินและออกกำลังกาย
กินแต่พอประมาณ ออกกำลังกายให้มาก


และสุดท้าย
เลิกพยายามเป็นคนดี
เอาตัวเองและครอบครัวให้รอดก็พอ
มนุษย์ที่ห่างออกไปมากกว่านั้น
ช่างหัวมัน

ยกเว้น ขอทานและคนพิการ
ต้องบริจาคให้เขาหน่อย

Thursday, December 01, 2005

HBD to me

วันนี้วันเกิดข้าพเจ้า


สุขสันต์วันเกิด
ตื่นมาดื่มน้ำตอนตีสอง
ก็เลยอวยพรตัวเองไปหนึ่งรอบ


สุขสันต์วันเกิด
ตื่นมาตอนเช้าก็อวยพรตัวเองอีกรอบ


สุขสันต์วันเกิด
ทานข้าวเสร็จก็อวยพรตัวเองอีกหนึ่งรอบ
อาหารมื้อเที่ยงก็เป็นของโปรด
คือ แกงเผ็ดเป็ดย่าง และปลาทอดราดพริก


อ้อ
เอาเงินให้แม่บ้านซื้อผลไม้เลี้ยงเพื่อนร่วมงาน
เลขาจึงเอะใจ
เขาจึงเดินมาอวยพร
สุขสันต์วันเกิด


เอ๋อ
แล้วมีใครจำวันเกิดข้าพเจ้าได้บ้าง


ช่างมัน
ฉันยังไม่ลืมก็พอแล้ว
เนอะ