Wednesday, August 31, 2005

มีคนบอกว่า

คนแจกใบปลิวบอกว่า


สีลมเป็นถิ่นของคนมีรายได้สูง แต่ไม่ทำตัวไฮโซ
ทองหล่อจึงจะเป็นถิ่นที่เป็นทั้งสองอย่าง
อนุสาวรีย์และหน้าราม เป็นถิ่นที่โลโซที่สุด

ใบปลิวที่แจกจึงต้องเลือกตามกลุ่มเป้าหมาย
เช้า สาย บ่าย เย็น ก็สามารถแยกย่อยไปได้อีก
ตอนเช้า เป็นคนทำงานที่ไม่มีรถ
ตอนสายๆ เป็นพวกขาจร และ มาสาย
ตอนเที่ยงจะรวมถึงคนมีรถด้วย เป็นอาทิ


พนักงานสินเชื่อบอกว่า


ไม่มีคนกรุงเทพคนไหน
ที่ไม่เคยกู้ ผ่อน หรือ อะไรสักอย่าง
ที่เกี่ยวข้องกับสินเชื่อ
เขาจึงต้องขยายฐานไปที่ต่างจังหวัด



เจ้าของร้านถ่ายรูปแต่งงานบอกว่า


ติดต่อจ้างกาละแมร์ให้ถ่ายโฆษณา
15 วินาที คิดค่าจ้าง 1 ล้านบาท
เลยเปลี่ยนใจไปจ้าง เอิ๊ก ในราคา 1 แสนบาท


เจ้าของร้านขายผลไม้บอกว่า


โดนสั่งห้ามขายในที่ๆ เคยขายอยู่เป็นประจำ
เพราะนโยบายรักษาความสะอาดของ กทม
เลยต้องย้ายเข้ามาเช่าที่ของเอกชน
ซึ่ง ห้ามลงผลไม้ซ้ำ กับเจ้าของพื้นที่


พนักงานขายสมาชิกฟิตเนส บอกว่า


พี่เล่นโยคะ ก็ไม่ค่อยดีหรอกคะ
เพราะเน้นแค่ภายใน
แต่กล้ามเนื้อของพี่ไม่แข็งแรง

พอหลวมตัวสมัคร

พี่ออกกำลังกายวันละ 2 ชั่วโมงยังไม่พอหรอกคะ
เดี่ยวแก่ตัวไปพี่จะต้องมีปัญหา
ทั้งเรื่องข้อ เรื่องกล้ามเนื้อ
พี่ต้องใช้เทรนเนอร์ จะได้ออกกำลังกายถูกวิธี

พอหลวมตัวเชื่อ

ถึงแม้พี่จะออกกำลังกายทุกวัน และมีเทรนเนอร์
แต่มันก็ยังไม่ดีพอ พี่ต้องออกกำลังกาย
ที่สามารถฟื้นฟูและปรับปรุงส่วนต่างๆได้
อย่างแนวทางกายภาพบำบัด


พนักงานงานอาหารเสริมบอกว่า


ถึงพี่จะพักผ่อนเพียงพอ ออกกำลังกายทุกวัน
ทานอาหารครบสามมื้อ มันก็ยังไม่พอหรอกคะ
เพราะพี่ไม่สามารถทานให้ครบห้าหมู่ได้
พี่จำเป็นต้องใช้อาหารเสริมนะค่ะ


หนังสือที่เพิ่งอ่านบอกว่า


คนเดี่ยวนี้อยากจะเป็นนักกีฬา ดารา นักร้อง
เพราะรายได้ดี


พนักงานขายตรงบอกว่า


คุณล้างหน้าด้วยน้ำเปล่า
โกนหนวดทุกวัน
แล้วไม่ใช้ครีมโกนหนวด
ไม่ใช้อัพเตอร์เชฟ
ไม่ใช้ครีมบำรุงผิว
แก่ตัวไปแล้วจะรู้สึก

[บอกมันไม่ว่า ตอนนี้ตรูก็รู้สึก
รู้สึกว่า พวกเอ็งโคตรสำอาง ]

Tuesday, August 30, 2005

บรรยากาศอืมครึม

ตอนวันเสาร์
เร่งทำงานเพื่อส่งวันจันทร์
งานเสร็จประมาณทุ่มกว่าๆ

รุ่นพี่หัวหน้าทีมบอกว่า มีข่าวร้าย
ซึ่งได้ยินมาตอนเที่ยงว่า
เขาจะล้มกระดานทั้งหมด

ล้มกระดานในความหมายที่ว่า
ยกเลิกเส้นทางรถไฟฟ้าทั้งหมด
ด้วยเหตุผลว่า
มีการเก็งกำไรจากราคาที่ดินตามเส้นทางมากเกินไป
แต่ยังไม่แน่นะ ว่าจะเป็นจริงตามข่าวหรือเปล่า
รุ่นพี่ลงท้ายแบบนี้ก่อนที่จะแยกย้ายกันไป

ระหว่างที่ฉันเดินออกมาจากโรงฝิ่น
เพื่อไปทานข้าวเย็นกับเพื่อน
คล้อยหลังจากการแยกกับรุ่นพี่ไม่ถึง 5 นาที
แฟนของเพื่อนโทรมาบอกว่า
มีข่าวทางทีวีว่าจะมีการยกเลิกเส้นทางรถไฟฟ้า
สายสีส้ม และสายสีม่วง ด้วยเหตุผลว่า
มีการศึกษาว่ามีคนใช้น้อย
จึงไม่คุ้มกับการลงทุน

หลังจากวินาทีนั้น
เรื่องนี้ทั้งหมดก็เกิดอาการสูญญากาศ
เกิดคำถามมากมาย

บลา บลา บลา บลา
บลา บลา บลา บลา

บลา บลา บลา บลา
บลา บลา บลา บลา


หมายเหตุ
1 ตกลงคำนี้มันเขียนยังไงแน่
อึมครึม หรือ อืมครึม

2.เรื่องมันยาว และลึกลับซับซ้อน
เกินกว่าประชาชนอย่างฉัน
จะทำใจให้ยอมรับได้

3. สายสีส้ม เริ่มต้นที่ บางบำรุ ผ่านมาถึงสะพานซังฮี้
ผ่านสามเสน ผ่านหอสมุดแห่งชาติ ผ่านสวนสัตว์ ผ่านราชวิถี
มาตัดกับ BTS ที่อนุสาวรีชัย ผ่านดินแดง ผ่านประชาสงเคราะห์
ไปตัดกับรถไฟฟ้าใต้ดินที่กำลังวิ่งอยู่ที่สถานีศูนย์วัฒนธรรม(ซึ่งก่อสร้างเตรียมรับสายสีส้มใว้แล้ว)
จากนั้นก็จะเข้าลาดพร้าว ไปผ่านหน้าราม ผ่านหัวหมาก ไปลำสาลี และสุดที่บางกะปิ
ทั้งหมดเป็นระบบรถไฟฟ้าใต้ดิน

ทำไมนักข่าวไม่ถามว่า สายนี่เนี่ยนะ จะไม่มีคนขึ้น คนบนเส้นทางยังกะมด


4.ค่าออกแบบสายสีม่วงตอนบน 300 ล้าน
ส่งงานทั้งหมดไปเมื่อเดือนที่แล้ว
ค่าออกแบบส่วนที่เหลือ 1200 ล้าน
เซ็นต์สัญญาไปแล้ว จ่ายใต้โต๊ะไปแล้ว 400 ล้าน
เรื่องนี้ มีแต่โกง กับ โกง และ โกง เศร้า !

5. ทั้งหมดที่เล่ามา อยู่ในแผนการที่เขาเตรียมกันใว้นานแล้ว
ให้รอดูกันต่อไป รับรองมีประหลาดใจอีกหลายครั้ง
ตอนจบคือ ทุกอย่างในประเทศนี้ จะเป็นทรัพย์สินของคนไม่กี่คน
ไม่มีหนังสือสืบสวนสอบสวนเล่มไหน สนุกกว่าเล่มนี้แน่นอน

6. อยากเล่าทั้งหมด แต่กลัว !

7. เดี่ยวจะกลับไปเขียนเรื่อง จิปะถะ ใหม่
เพราะสนุกกว่าเรื่องนี้เยอะ

Monday, August 29, 2005

จิ ปา ถะ หมายเลข 3

จิปาถะ 16

เต็มที่กับชีวิต
อาจไม่ได้หมายความว่า
ใช้ชีวิตแบบลุยให้สุดเหวี่ยง
เสี่ยงให้สุดๆ
อย่าหยุดอยู่นิ่งๆ

เต็มที่กับชีวิต
อาจจะหมายความว่า
จงใช้เวลาทุกวินาทีให้มีคุณภาพ
จงอยู่กับปัจจุบัน

รูปธรรมคือ
หากอยู่กับเพื่อนอย่างตรู
ก็อย่ามัวแต่คุยโทรศัพท์กับแฟน
ถ้ามรึงอยากอยู่กับแฟน
ก็ไม่ต้องนัดตรู
ตรูเบื่อโว้ย


จิปาถะ 17

ฝรั่งเรียกแท็กซี่
ฝรั่งบอกจุดหมาย
ฝรั่งยืนอยู่ที่เดิม
ฝรั่งเริ่มเรียกคันใหม่

นี่คือตัวอย่างที่เป็นรูปธรรมของคำพังเพย
เข้าเมืองตาหลิ่วต้องหลิ่วตาตาม


จิปาถะ 18

ลูกค้าคู่หนึ่ง หยุดซื้อของ
หลังการต่อรอง และตกลงราคา
ยื่นเงินให้ แต่แม่ค้าไม่มีเงินทอน
จึงวิ่งไปแลกเงิน และฝากร้านใว้กับพวกเธอ

ลูกค้าคนที่สองหยุดดู
พวกเธอทำตัวเป็นคนขาย
ช่วยเขาหาของที่ต้องการ

เมื่อแม่ค้าตัวจริงกลับมา
ยื่นเงินทอนให้พวกเธอ
เธอคนหนึ่งรับไป พร้อมกับพูดว่า
"ขายกางเกงได้หนึ่งตัวนะ"

เมื่อเดินห่างไปจากร้านเล็กน้อย
เธออีกคนถามว่า "รู้เหรอราคาเท่าไหร่"

เขาก็สงสัยเหมือนกันว่าขายให้ใคร
เพราะเขายังไม่ได้ตกลงซื้อ ไม่รู้แม้กระทั่งราคา
เธอคงไม่ได้โกหก เพียงแค่ เข้าใจผิด


จิปาถะ 19

เรื่องเล่าธรรมดาของผู้เล่า
อาจจะไม่ธรรมดา
สำหรับผู้ฟัง
และอาจเป็นอันตราย
ต่อผู้เล่า

ฉันเล่าให้ผู้จัดการฝ่ายพัฒนาธุรกิจฟังว่า
เพื่อนของฉันกำลังทำงานชิ้นหนึ่ง
เป็นงานที่บริษัทเขารับต่อมาจากบริษัทของเราสาขาเมืองจีน

ฉันเล่าเพราะคิดว่ามันเป็นเรื่องธรรมดา

แต่เมื่อเรื่องนี้มันถึงหูผู้บริหารบริษัท
มันก็กลายเป็นเรื่องไม่ธรรมดา
และนำปัญหามาสู่ฉัน


จิปาถะ 20

นั่งแท๊กซี่
คิดเล่นๆว่า
หากคนขับเป็นหวัด
คงอึดอัดน่าดู


จิปาถะ 21

นัดสังสรรค์
สมาชิกประมาณ 20 คน
เหมือนไม่ได้เจอกัน
เพราะพูดคุยกันไม่ทั่ว


จิปาถะ 22

นี่แฟนผม
รุ่นพี่แนะนำอย่างนี้
แฟน ในความหมายลึกๆว่า
คนละตำแหน่งกับภรรยา
คนฟังได้แต่อึ้ง
ในใจถามว่า พามาทำไม


จิปาถะ 23

ประเทศไทยเหมาะแก่การตั้งรกราก
ฝรั่งจากอังกฤษบอกแบบนี้
ทำไม !


จิปาถะ 24

เคล็ดลับวิชา ในตำรา ชั้นหนึ่ง
คือคิดดี พูดดี ทำดี
ได้แค่นี้...

นี้คือเพลงที่ร้องติดปาก
จำชื่อเพลงไม่ได้
จำชื่อวงก็ไม่ได้อีก
รู้แค่ว่าสังกัด สนามหลวง


จิปาถะ 25

คืนวันเสาร์ได้อยู่ห้อง
เปิดทีวีหารายการดีๆดูสักหน่อย
ไม่ปรากฏ


จิปาถะ 26

ไม่คุ้มกับการลงทุน
เหตุผลง่ายๆ ของนักการเมือง
ที่สร้างความยุ่งยากมากมาย
ให้กับคนปฏิบัติงาน


จิปาถะ 27

คณิตศาสตร์ของแท็กซี่ มีแต่การปัดขึ้น

Friday, August 26, 2005

จิปาถะ 2

จิปาถะ 6

freelance แปลเป็นไทยว่า งานฝิ่น
เพราะคนที่รับงานฝิ่นเยอะ
จะมีสภาพไม่ต่างจากคนที่รับฝิ่นจริงๆ เข้าไปเยอะๆ
มันเหมือนจะไร้วิญญาณ อดนอน ผอมแห้ง

จิปาถะ 7

วันนี้โชคดี ได้ขึ้นรถไฟฟ้าขบวนของ บึง
แต่เพราะเราจะขึ้นประตูเดิม ยืนที่เดิม
จึงได้อ่านงานเดิมๆ แต่จำเพิ่มมาได้อีกหนึ่งบท

[b]ออกจากบ้านและกลับมาอีกครั้งเมื่อผ่านไป 10 ปี[/b]

เท่เนอะ


จิปาถะ 8


นายจร้าาาาาา เดินมาหาบอกว่า
สะพานที่อินเดียมีรอยแตก พร้อมกับแสดงรูป
บอกฉานนนนว่า ช่วยหาให้หน่อยว่า มันเกิดจากอะไร

ฉันไม่อยากทำตัวเป็นผู้ตรวจสอบร้อยราว รอยแตกอีกแล้วนะ
เปลื้องตัว !


จิปาถะ 9

"ไม่เอาพริกเกลือ"
ฉันพูดอย่างนี้ทุกครั้งที่ซื้อผลไม้
เพราะเอามาฉันก็ทิ้ง เก็บใว้เขายังได้ใช้ประโยชณ์

"ไม่เอาครับ"
ทุกครั้งที่แม่ค้าตักน้ำซุปให้
เพราะฉันไม่ชอบของร้อน
ทานแล้วลิ้นพอง

ด้วยเหตุผลเล็กๆ แบบนี้หรือเปล่า
เราถึงมักเป็นคนพิเศษของทุกร้าน

คนพิเศษ ไม่ได้มีความหมายว่า สำคัญพิเศษ
แต่แปลว่า มันทำตัวแปลกๆ


จิปาถะ 10

อาทิตย์นี้ เสื้อผ้าที่ฉันใช้ จะเป็นโทนสีเขียว
อาทิตย์ก่อนโทนสีฟ้า อาทิตย์หน้าสีเทา
และอาทิตย์ต่อไปสีขาว มีเหตุผลปัญญาอ่อนส่วนตัวว่า
เวลาส่งซัก คนซักเขาจะได้ไม่ต้องแยกสี
เขาจะได้ทำงานง่ายขึ้น เบาแรง
ไม่รู้เขาจะสังเกตุได้หรือเปล่า



จิปาถะ 11

เพื่อนบอกว่าจะมาพักที่ห้อง
ก็เลยต้องเก็บหนังสือที่รกๆ เต็มห้อง
จัดของให้เข้าที่เข้าทาง
มารยาท ทางสังคม ก็มีข้อดี แบบนี้
อย่างน้อย ห้องก็สะอาดขึ้นมาหน่อยนึง


จิปาถะ 12

ทุกครั้งที่ต้องปฎิเสธ ข้าพเจ้าจะรู้สึกไม่ดี
เพราะกลัวคนที่ได้รับการปฏิเสธจะเสียใจ


จิปาถะ 13

มาตรฐานของมรดกโลกคืออะไรกันแน่
หลายต่อหลายที่ในประเทศเรา ที่ถูกขึ้นทะเบียน
ไม่ได้มีมาตรฐานใกล้เคียงกับประเทศอื่นๆ เลย
หรือว่า ประเทศเรา ลอบบี้ เก่ง


จิปาถะ 14

เขียนรายงาน
ฝรั่งบอกว่า ภาษาผิดเหมือนเพลงที่ร้องกันผิดๆ เลย
หุ้นตก ไปหลายจุด
วันนี้ความมั่นใจก็กลับเพิ่มมาสามจุด
ไม่รู้มาจากไหน สงสัยแอบสะสมตอนหลับ


จิปาถะ 15

สะพานข้ามแยกศรีอยุทธยา
สร้างลอดใต้สะพานยกระดับของรถไฟฟ้า BTS
ตัวสะพานเองสวย แต่ตำแหน่งและสิ่งแวดล้อม
น่าอายมากๆ

Wednesday, August 24, 2005

จิปาถะ

จิปาถะ 1

ซื้อผลไม้ 20 บาท ให้แบงค์ร้อย
แม่ค้าทอนมาสามใบ 50 20 และ 10
ดีใจมากๆ เหมือนเจอเพื่อนเก่าที่รักกันยังไงยังงั้น
คิดถึงแบงค์ 10 บาทขนาดนี้เลยเหรอเรา

แบงค์ 10 บาท คงเป็นความมหาศาลในวัยเยาว์
หรือ เป็นตัวแทนแบงค์ละบาท และ แบงค์ละห้าบาท
ของขวัญจากปู่ย่าตายายในสมัยเด็กๆ ก็ไม่รู้นะ

จิปาถะ 2


กลับถึงห้องประมาณเที่ยงคืนกว่า
ตั้งใจจะทำงานต่อ แต่เปิดทีวีเจอรายการ
เดินตามตะวัน ทางช่องของ smile
คราวนี้พาไปเที่ยวหมู่เกาะสุรินทร์ เลยนั่งดูจนจบรายการ
ช่องขาด หายไปเลย เลยทำเทรล snorking มาแทน
มีแหล่งดำน้ำลึกแหล่งใหม่ด้วย สวยมากเชียวละ
สงสัยต้องหาเวลาไปเรียนดำน้ำซะที


จิปาถะ 3

ทุกเช้าและเย็นจะมีการลุ้นว่าวันนี้จะโชคดี
ได้ขึ้นรถไฟขบวนของ บึง พูลวรลักษณ์หรือเปล่า
เพราะ บึง พูลวรลักษณ์จัดงานคอนเส็ปชื่อ
สัมพันธภาพบนรถไฟฟ้า BTS
งานแต่ละชิ้นน่าสนุกทั้งนั้น ชอบ
ตั้งใจว่าเสาร์อาทิตย์ไหนที่ว่าง
จะไปตามหารถไฟฟ้าขบวนนี้และอ่านให้จบทั้ง 24 ชิ้นงาน
เอาสมุดไปจดเลย หุหุหุ

หนึ่งในนั้นที่จำมา (ซึ่งอาจจะผิด)

สัมพันธภาพที่ 19
1. ศึกษาปรัชญาสมัยใหม่ด้วยกระบวนทัศน์แบบโบราณ
2. ศึกษาปรัชญาโบราณด้วยกระบวนทัศน์แบบสมัยใหม่


จิปาถะ 4


ได้ยินเพลง นายร๊อก เก้อ
ขึ้นต้นมาว่า ไปเป็นนักเรียนนอก แล้วเหงา
เลยเรียนไม่จบ แถมพ่อแม่ไม่รวย
เลยกลายเป็นนายร้อก เก้อ

แมร่งงงงงงงงง เด็กสมัยนี้
พ่อแม่มีปัญญาส่งไปเรียนเมืองนอก
ยังบอกว่าจนอีก


จิปาถะ 5


เพื่อนคนหนึ่งไปตัดผมราคา ครั้งละ 1200 บาท
ถามเพื่อนอีกคนว่าตัดผมบ่อยแค่ไหน มันตอบ 2 เดือนครั้ง
ถามมันว่าครั้งละเท่าไหร่ มันตอบ 60 บาท
ราคาตัดผมหนึ่งครั้ง ของคนแรก
นำมาให้คนที่สองใช้ได้ 3 ปีครึ่ง




ปล.
มาบันทึกเรื่อง จิปาถะ กันเถอะ

Tuesday, August 23, 2005

ลี ลา ว ลี

ลีลาวดี หรือ ลั่นทม
ทั้งสองชื่อไม่รู้ใครตั้งมา
ชื่อหนึ่งเพราะเสนาะหู
แต่อีกชื่อฟังดูเศร้า

ไม่ว่าสิ่งมีชีวิตจากดาวดวงไหน
จะพยายามเรียกชื่อว่าอะไร
มันก็ยังเป็นต้นไม้ต้นเดิม

ไม่ว่ามันจะถูกย้าย ถูกขุด
ถูกขาย หยิบยืม หรือขโมย
มันก็ยังเป็นต้นไม้ที่ใช้รากเดิม

มีสิ่งมีชีวิตบนดาวโลกกลุ่มหนึ่งถูกเรียกว่า ชาวสวน
สิ่งมีชีวิตกลุ่มนี้บางส่วน เริ่มต้นปลูกต้นไม้ชนิดนี้
แล้วก็นำออกไปจำหน่ายอีกต่อหนึ่ง
บ้างออกไปในขณะเป็นกล้าเล็กๆ กล้าเอาไปฝันกันต่อ
บ้างออกไปในขณะที่มีราคาขึ้นมาเล็กน้อย ราคาที่มาทำมากับมือ
แต่ก็มีไม่น้อยที่ออกไปในขณะเป็นต้นที่สวยงาม

เสี่ย เช เป็นสิ่งมีชีวิตบนดาวโลก
ดาวดวงเดียวกันกับชาวสวน
เสี่ย เช สะสมต้นไม้ชนิดนี้ใว้เยอะ
เสี่ยเช มักไม่ได้เริ่มปลูกต้นไม้เอง
บ้างขุดมาจากป่า บ้างซื้อมาเลี้ยงเพิ่มเติม
และส่วนใหญ่ก็ได้มาตอนที่มันมีแววว่าจะสวย
เสี่ย เช ทำทุกอย่างเพื่อสร้างราคาให้กับมัน
ทุกอย่างมีท่าทีว่าจะไปได้ดี เป็นไปตามที่เสี่ยเช ต้องการ
ฝันของเสี่ยเช กำลังจะเป็นจริง แต่ฟ้าก็มักมีบททดสอบ มาให้เจอ

สนามบินสุวรรณภูมิ
เป็นแหล่งที่ลั่นทม จะได้ยืนต้น หยั่งราก ผลิดอก ออกใบ
เสี่ยเช จะนำลั่นทมที่มีทั้งหมด ไปเสนอขายที่แห่งนี้
แต่ เสี่ย เช ฝันสลาย เมื่อ สนามบินสุวรรณภูมิ
ถูกปรับเปลี่ยนให้เป็นพื้นที่ของการปลูกยางพารา

ชาวสวนก็ฝันสลายเช่นกัน แม้ไม่เท่าเสี่ยเช

ฉันไม่รู้จะเห็นใจฝ่ายไหน
ฝ่ายเริ่มปลูก หรือ ฝ่ายเลี้ยงต้นไม้จนสวยงาม

เสี่ยเช อาจจะเจ็บมากกว่า เพราะต้นทุนสูงกว่า
แต่ชาวสวนอาจจะเจ็บหนักกว่า เพราะบอบบางกว่า

ตามข่าวที่ได้ฟังมา
เจ้าของลั่นทมทั้งหลายจะต้องมาฟาดฟันกัน
งานนี้ ผู้บริโภครายย่อย ได้ผลประโยชณ์ที่สุด



ปล.

ใครขายกล้ายางพาราฟะ
พวกใครพวกมันจริงๆ ดาวดวงนี้

Monday, August 22, 2005

ว า ง แ ผ น

หนังสือประเภท How to บางเล่มบอกใว้ว่า

ชีวิตนั้นง่ายดาย
เพียงแค่วางแผนให้เสร็จ
แล้วก็ลงเมื่อปฎิบัติไปตามนั้น

แล้วบางเล่มก็เพิ่มเติมอีกว่า

เมื่อลงมือปฎิบัติไปตามแผน
ก็ต้องพร้อมจะปรับปรุงเปลี่ยนแปลง
แก้ไขให้แผนการดังกล่าวดำเนินต่อไปได้

แล้ววันนี้ ตอนมื้อเที่ยง
วงสนทนาที่ประกอบไปด้วย 5 คน
คนแรก อายุ 47 ปี แต่งงานแล้วและมีลูกไม่ได้
คนที่สองอายุ 43 ปี กำลังจะมีลูกคนที่สอง
คนที่สามอายุ 38 ปี มีลูกสองคน
คนที่สี่อายุ 29 ปี กำลังสร้างบ้านเตรียมแต่งงาน
คนที่ห้า - ข้าพเจ้าเอง ผู้ฟัง

หัวข้อในวงสนทนาวันนี้คือ การวางแผน

ทั้ง5คน ทำงานอยู่ในบริษัทเดียวกัน
อาชีพเดียวกัน นั่นอาจจะหมายความว่า
กรอบต่างๆ อาจจะไม่ได้แตกต่างกันจนสุดขั้ว

"คนไม่มีลูกนี่ก็มีชีวิตที่แปลกไปอีกแบบ" 38 เริ่มถาม
"แตกต่างยังไง" 47 ถามกลับ แต่เปลี่ยนคำให้นุ่มนวลขึ้น
"ก็สามารถวางแผนเพื่อตัวเองได้
อย่างเราต้องแปะไปกับลูกตลอด" 38 ตอบ

"นั่นนะสิ กว่าลูกพี่ จะจบโท พี่อายุเท่าไหร่" 29 ถาม 43

"ก็คงเกษียณไปแล้วโน่นแหละ" 43 ตอบ

"แล้วคุณไม่ได้วางแผนกันเหรอ ตอนจะมีลูกนะ" 47 ถามกลางวง

"ผมว่าทุกคนก็วางนั่นแหละพี่ แต่วางแล้วจะทำได้แค่ไหนละ" 29 ขยันแสดงความคิด

"ตอนยังไม่มีลูกผมก็ไม่เคยคิดนะ แต่งแล้วก็อยากมี
ทีนี้พอสี่ปีแล้วยังไม่มีก็หงุดหงิด พอมีก็เลยไม่ทันตั้งตัว
มานั่งคิดจริงๆ ก็ตอนมีคนที่สอง โห กว่าจะหมดภาระ
แก่งักกันไปถึงไหนต่อไหนแล้ว" 38 ตอบ

"ตอนแรกผมก็พยายามมากนะ
ใครก็อยากมีชีวิตที่สมบูรณ์ มีครอบครัวมีลูก
พยายามหาหมอ จนพบสาเหตุ ภรรยาไปผ่าตัด
แต่ท้ายที่สุดก็ไม่สำเร็จ เมื่อไม่สำเร็จก็ยอมรับ
แล้วก็วางแผนชีวิตแบบคนไม่มีลูก" 47 อธิบาย

"ยังไงก็ตาม ผมว่าไม่ควรมีลูกเกิน 40
หมายถึงผู้ชายนะ ถ้าเกิน 40 มัน ..." 43 พูดแล้วก็หาคำไม่ได้

"หาเงินไม่ทันใช่ไหม เพราะค่าใช้จ่ายโน้นนี่จิปาถะ" 29 พูดแทรก

"ก็ต้องรู้จักบริหาร แต่ผมมีแค่สองคนก็พอแล้วนะ ไม่ไหวแล้ว" 43 พูดต่อ

"นั่นนะสิ ผมก็ขอแค่สองคนพอแล้ว ให้เป็นเพื่อนกัน" 38 เสริม


"ยังไงเอ็งก็รีบๆ วางแผน เตรียมการซะนะ
ปวดหัววันนี้ดีกว่าต้องลำบากในวันหน้า" 47 สอน 29


ข้าพเจ้าเดินกลับมา แวะซื้อผลไม้
พลางขบคิดข้อสงสัยที่ติดมาจากวงสนทนา

พี่ๆ แต่ละคนเงินเดือนไม่ห่างจาก แสนบาทสักเท่าไหร่
หากคิดรายได้ทั้งหมดน่าจะเกินแสน
แล้วแต่ละคนต้องวางแผน เตรียมความพร้อมกันขนาดนี่
ตรูละ ! สงสัยต้องมีการปรับปรุงแผนที่วางใว้นิดหน่อย
เพื่อการดำเนินไปอย่างราบรื่น

หุหุหุ ช่วงนี้ผี How to เข้าสิง

เอ้ หรือว่าข้าพเจ้าจะตีความมันใหม่
วาง คืออาการคล้าย ทิ้ง ขว้าง เหวี่ยง
วางแผน จึงหมายความว่า วางมันซะแผนนะอย่าไปสนใจ

Friday, August 19, 2005

ป่าแห่งความยากจน

จากป่าที่เรียกขานในนามความโชคร้าย
หยดเล็กๆ ของความคับแค้น
รวมกันเป็นสายธารความเศร้า
ใหลสู่มหานทีโศกนาฎกรรม
มีปลายทาง ณ มหาสมุทรน้ำตา
ถูกแสงวันเงาคืนแผดเผา
ระเหยกลายเป็นลมหายใจแห่งชีวิต
เพื่อกลับกลับสู่จุดเริ่มต้น
ป่าแห่งความยากจน

Wednesday, August 17, 2005

อนุสาวรีย์

บนสะพานลอย


บุรุษที่หนึ่ง

อยากให้โลกนี้ มีเพียงแค่เธอกับฉัน
และ อยากให้โลกมันหยุดช้าๆ
ฉันจะได้เดินกุมมือเธอนานๆ


สตรีที่สอง



ฉันไม่ขออะไรมากมายกว่านี้
แค่มีมืออันอบอุ่นของเธอ
คอยให้ความมั่นใจแค่ฉัน
ไม่ว่าโลกมันจะวุ่นวายแค่ไหน
ฉันก็รู้สึกปลอดภัยเสมอ



บุรุษที่สาม


แมร่ง มันจะเป็นคู่รักที่ไม่ต้องเดินจับมือกันสัก 20 นาทีได้ไม๊
คนก็แน่น พวกเอ็งยังจะมาเว้นที่ว่างใว้จับมือกันอีก
ตรูจะแซงก็ไม่ได้ เบื่อโว้ย
แบ่งที่ว่างตรงกลางใว้ทำพระแสงอะไร
ฝันหวานของมึง เดือนร้อนชาวบ้านโว้ย


สตรีที่สี่


มัวแต่จ้องคู่รักเขาอยู่ได้
สงสัยอิจฉา ไม่มีแฟน
หรือว่า เพิ่งออกหักนะ
น่าสงสารจัง





เด็กขายดอกไม้



ดอกมะลิฮะ ดอกมะลิ
ดอกมะลิ ให้แม่ฮะ

พี่ฮะ ดอกมะลิให้แม่ไม๊ฮะ
ดอกมะลิให้แฟนก็ได้นะฮะ
โรแมนติคแบบเด็กแนวดีนะฮะ

พี่ฮะ ดอกมะลิ หอมๆ ฮะ
ดูหน้าพี่เครียดๆ นะฮะ
กลิ่นมะลิจะทำให้พี่สดชื่น นะฮะ


พี่สาวคนสวยดอกมะลิไม๊ฮะ
ดอกมะลิเหมาะกับคนสวยๆ นะฮะ

Monday, August 15, 2005

พักผ่อน - 108 อาชีพ - แต่งงาน

ช่วงวันหยุดสามวัน
ได้พักผ่อนสมความตั้งใจ

คราแรกเพื่อนชวนไปเที่ยว
บอกว่าจองระยองรีสอร์ทเอาใว้
หนึ่งคืนราคา 4 พันกว่าบาท
ไม่สมควรแก่การจ่าย นอนที่ห้องจะประหยัดกว่า
ข้าพเจ้าจึงขอบาย

ฉะนั้น ข้าพเจ้าจึงเริ่มนอนตั้งแต่เย็นวันพฤหัส
ตื่นอีกทีก็เที่ยงวันศุกร์ เพราะพี่ชายโทรมาตาม
ให้ไปหาที่เมืองทอง มีงานของกรมอาชีวะ

ไปถึงงานก็บ่ายสามกว่าๆ
(หลังรับปากพี่ชายก็แอบงีบอีกเล็กน้อย)
เจอพี่ชาย พี่แกถามว่า ทำไมไม่กลับบ้าน
นึกในใจ ถ้าเอ็งไม่มา ตรูไปเที่ยวไหนแล้วก็ไม่รู้
นี่คงเป็นแผนของแม่อีกแน่ๆ แผนสกัดดาวเที่ยว
มีวันหยุดทีไร พี่ๆ หมุนเวียนกันมาธุระ กทม ทูกที

งานนี้คนมาเที่ยวงานน้อย
แต่เด็กๆ ที่ถูกเกณฑ์มาแข่งโน้นแข่งนี่เยอะไปหมด

เดี่ยวนี้เด็กเทคนิคคงฮิตทำหุ่นยนต์กันแน่ๆ
เพราะงานนี้มีทีมส่งเข้าแข่ง ระดับชาติ 108 ทีม
นี่ระดับชาตินะ ถ้าระดับย่อยๆ ลงไปคงนับไม่ไหว
คงคล้ายๆ บรรดาโครงงานวิทยาศาสตร์สมัยมัธยมแน่ๆ

นึกถึงสมัยที่หุ่นยนต์ยังไม่ฮิต
มีคนบ้า อยู่ไม่กี่คน หนึ่งในนั่นคือ รูมเมทข้าพเจ้า
รูมเมทข้าพเจ้าชอบหายหัวไปทีละอาทิตย์
กับการพยายามประดิษฐ์โน่น ต่อนี่
กลับมาก็คุยแต่เรื่องวงจรโน้นวงจรนี่
เทคนิคนั่นเทคนิคนี่ โปรแกรมนั่โปรแกรมนี่
ฟังยากๆ ยังไงไม่รู้
แถมบางทียังให้ลูกช่างติอย่างข้าพเจ้าวิจารณ์ซะอีก
อันนี้ก็งานถนัด ติ ติ ติ

ครั้นพอมาเห็นหุ่นยนต์เด็กเทคนิค
ไม่ยักกะเหมือนที่เพื่อนมันเคยคุยเลยนี่หว่า
สงสัย ข้าพเจ้าจะจำผิดอีกแล้ว
หุหุหุ ติ ไม่ออก กลัวโดนตืบบบ


อีกอย่างที่ชอบในงานอาชีวะ คือ 108 อาชีพ
งานนี้เขาให้แต่ละโรงเรียน มาสอนทำโน่นทำนี่
(ไม่รู้เขาเรียกตัวเองว่าอะไร ข้าพเจ้าเรียกโรงเรียนก็แล้วกัน)
ข้าพเจ้าสนใจหลายอย่างเชียวแหละ
เช่น แกะสลักดอกไม้ ทำโบว์ ทำขนม
หุหุหุ ม่ายช่าย อันนั้นงานแม่บ้านเกินไป
เอาที่น่าสนใจ ใจข้าพเจ้าอะนะ เช่น
การสกัดกระจก เป็นรูปต่างๆ การเข้ากรอบรูป
การเพ้นท์เซรามิก อะไรเทือกนี้แหละ

ที่ว่ามานะ เรียนฟรีนะ
แถมให้ประกาศนียบัตรซะด้วย

พี่ชายมันบ่นว่า อยู่ในงานมาหลายวันเบื่อมาก
ไม่รู้จะทำอะไรดี ข้าพเจ้าก็แนะนำให้มันเรียนอย่างที่บอก
แต่มันบอกว่า เบื่อแล้วโว้ย ตรูเรียนจนจะครบทุกหลักสูตรแล้ว
เหลือจัดดอกไม้ ทำขนม แกะสลัก นั่นแหละ
เพราะ เขาทำแบบนี้มาตลอด และคงทำไปอีกสักสามชาติ

ข้าพเจ้านึกในใจ
เรียนแล้วก็เรียนซ้ำได้นิหว่า
แกล้งไม่รู้นะ สนุกดี

แต่ความจริงคือ ข้าพเจ้าพูดไปว่า
ไปซื้อปืนสนุกกว่าว่างั้นสิ

มันตอบว่า ช่าย
และชวนข้าพเจ้าไปซื้อปืนที่ วังบูรพา
และแน่นอน ข้าพเจ้าไม่ไป
เบื่อปืนโว้ย อันนั้นก็บอกมัน
แพงจะตาย อันตรายอีกต่างหาก

หนีจากการไปเยี่ยมชมปืนได้ก็กลับมานอน
นอน นอน นอน

จนเพื่อนโทรมาชวนไปงานแต่งงาน

หะแรกก็ งานแต่งงานอีกแล้ว เบื่อชิบ
แต่ก็ไป เพราะ ถ้าไม่ไปจะโดนประนาม
ว่าทำตัวเป็นพวกองุ่นเปรียว
คือ ไม่ได้แต่งงานก็เลยแอนตี้งานแต่งมันซะงั้น
สุดท้ายก็ต้องไปยิ้มเสร่อๆ อยู่ในงานแต่งงาน

งานนี้เป็นงานแต่งงานรุ่นน้อง
นั้นหมายความว่า รุ่นข้าพเจ้าแต่งกันไปหมดแล้ว
เหลืออยู่สองหน่อ

หน่อหนึ่งนั้น ฐานะดี การศึกษาดี อาชีพการงานดี
มีรสนิยมในการใช้ชีวิตที่ดี
แม้จะมุ่งมั่นหาเงินมากไปหน่อย
แต่ก็ยังพากิ๊กไป ดินเนอร์ ที่ซีร๊อกโก ได้
หน่อนี้ยังคง ไม่แต่ง เพราะยังเลือกไปถูกใจ

แน่นอน หน่อที่ว่า ไม่ช่ายข้าพเจ้า
เพราะข้าพเจ้า ตรงข้ามกับคุณสมบิติที่ว่าอย่างสิ้นเชิง

งานแต่งครั้งนี้ นอกจากข้าพเจ้าจะเปลืองเงินแล้ว
ยังเปลืองตัวอีกต่างหาก เพราะเพื่อนๆ จะคอยพูดจา
หรือ ทำอาการอะไรก็ได้ ให้ข้าพเจ้าและอีกหน่อ
รู้สึกว่า การแต่งงานนั้น มีแต่ดีกับดี
และท้ายที่สุดก็คือ การพยายามจับคู่ให้ซะเลย
(อันนี้ ข้าพเจ้ามักไม่ค่อยโดน เพราะไม่อยู่ในข่ายที่น่าสนใจ)

แต่ทำยังไง ข้าพเจ้าก็ไม่ยักกะรู้สึกว่า
การแต่งงานมันมีแต่ดีกับดี

แต่ละคนมีราคาที่ต้องจ่ายไม่เหมือนกัน

สิ่งที่ข้าพเจ้าเห็นจากคู่พวกเพื่อนๆนะเหรอ
หนีก้อนโต จากการซื้อบ้าน ซื้อรถ
แต่ละวันวุ่นวายกับเรื่องลุกๆ
บรรยากาศแบบคู่รัก หายไปนานแล้ว
เมื่อไหร่ที่ข้าพเจ้ามีโอกาสอยู่ด้วย ยังรู้สึกอึดอัดแทน
หากมีเวลาว่างบ้าง พาลูกไปโน่นไปนี่
ส่วนเวลาที่เหลือก็เครียด กับการหาเงิน
ผ่อนบ้าน ผ่อนรถ ค่าเทอมลูก
วัฎจักรมันวนเวียนเหมือนเดิม

ส่วนพวกโสดอย่างข้าพเจ้านะเหรอ
ไม่มีหนี้ เพราะไม่ผ่อนอะไร
ว่างๆ ก็ดูหนัง ท่องเที่ยว ว่างมากก็นอน
การงานก็ทำแบบพอดีๆ สนุกกับการใช้ชิวิต
ดูจะมีความสุขมากกว่า แม้ว่าจะสุขแบบไร้อนาคต
เพราะ เพื่อนๆ มักบอกว่า ลุกๆ คืออนาคตของเขา
อ้อ ยังไม่นับรวมเหงาบ้างเป็นบางโอกาส เท่านั้นเอง

หุหุหุ องุ่นเปรี้ยวอีกแล้ว

กลับจากงานแต่งก็ นอน นอน นอน
แล้วก็ออกกำลังกาย
รำมวยจีน เล่นโยคะ
แล้วก็นอนฟังเพลงสบายๆ

โอ้ สวรรค์ของคนโสด

Thursday, August 11, 2005

1 0 8 พัน วินาที กับ อีก 3 วัน

108000 วินาที คือเวลาที่นับถึงตอนนี้
เวลาที่นับจากการตื่นนอนครั้งล่าสุด

อาจจะงงว่าเท่าไหร่
ก็ประมาณ 30 ชั่วโมงนั้นแหละ
อาจจะงงต่อว่า
แล้วข้าพเจ้าทำอะไร ไม่ยอมหลับยอมนอน

ข้าพเจ้าก็สงสัยเหมือนกัน

ข้าพเจ้ากำลังทำอะไรอยู่เนี่ย !

ไม่รู้สิ
งานยุ่งมาก จนไม่มีเวลานอน
อดนอนเล่นๆ
กลุ้มใจจนนอนไม่หลับ

ไม่น่าจะใช่สักข้อ
รู้เพียงแต่ว่า
ยังหายใจอยู่ที่ออฟฟิศ
ตลอดเวลาที่ว่ามานั่นแหละ

ไม่เป็นไร
เดี่ยวเย็นนี้เลิกงาน
ก็ค่อยนอน

นอนติดต่อกันสักสามวัน
ลองดูสิ ว่าจะเป็นยังไง !



จริงๆ ตั้งใจว่าจะเขียนเรื่อง

เต็มที่กับชีวิต

เอาใว้วันหลังก็แล้วกัน
วันนี้ยังไม่อยากอ่าน
รอไปก่อนนะ คุณเฟิง

Tuesday, August 09, 2005

เพิ่งดู




Sideways

เรื่องก่อน
About Schmidt เกี่ยวกับ
หนังของคนแก่ พี่เพิ่งจะเกษียณ - ชีวิตเริ่มว่างมาก
แล้วฉับพลันนั้น ภรรยาก็มาตายจากไป - ชีวิตเริ่มเหงา
ครั้นมาค้นพบความจริงจากจดหมายว่า ภรรยาเป็นชู้กับเพื่อนรัก - หมดศรัทธา
ลูกสาวคนเดียวกำลังจะแต่งงานกับชายหนุ่มที่ไม่เป็นโล้เป็นพาย - สิ้นหวัง
หนังทั้งเรื่อง สะท้อนวิกฤติของวัยได้ชัดเจน น่าดู ควรชม(ว่าดี)

เรื่องนี้
Sideways เกี่ยวกับวิกฤติของวัยอีกเหมือนเดิม
(เนื้อหาหลักๆ อ่านจากเรื่องย่อเอานะ) แต่ลดลงมาเหลือสักแค่วัยทองของผู้ชาย
วัยสี่สิบ(มั้ง) วัยที่ควรจะมั่นคง วัยที่ควรจะแต่งงาน วัยที่ควรจะเสถียร
แต่ตัวเอกทั้งสอง ไม่มีอะไรเลยสักอย่างที่ว่ามานั่น

โดยรวมของหนังเรื่องนี้ก็น่าพอใจ แต่ไม่ถึงกับชื่นชอบ
หรือพยายามนำเสนอให้ใครต่อใครดู


เรื่องย่อๆ (ลอกเขามา):
Miles (Paul Giamatti) and his actor friend, Jack (Thomas Haden Church), are two old college roomies looking to spend quality time with each other before Jack's upcoming nuptials. The pair selects a wine tasting tour through northern California as an activity, which, for wine snob and failed novelist Miles, means revisiting old haunts and familiar faces. Right at the start of their trip, Jack informs his friend that his main goal for the trip is to sample a variety of local women. He quickly falls into lust with a hippie single mother (Sandra Oh, 'Last Night'), while Miles, still seething from a divorce, hits it off with her friend (Virginia Madsen, given a role with meat for the first time in years). Despite the diversion, Miles finds that this trip is forcing him to confront his miserable existence, which all his intellect and denial cannot protect him from.






The Forgotten



เรื่องนี้ imdb ให้ 5.8/10 ข้าพเจ้าให้คะแนนไม่ถูก
เพราะจินตนาการของข้าพเจ้ามันพาไปไหนต่อไหน
และมันก็ไม่เกี่ยวกับหนังเอาซะเลย

พลอตของหนังเรื่องนี้ น่าสนใจ เขาบอกว่า
ถ้าจู่ๆ วันหนึ่ง คุณตื่นขึ้นมา
แล้วพบว่าประสบการณ์ ที่คุณผ่านมา
ทุกเรื่อง มันไม่มีอยู่จริง คุณจะเป็นยังไง

เล่นตั้งโจทย์มาแบบนี้ มันก็สนุกนะสิ
จินตนาการได้ไปถึงไหนต่อไหนเลยเรา

หนังก็ทำได้สนุกๆ นะ
หมายถึงสนุกแค่ครึ่งแรก
ครั้นพอหนังเริ่มนำไปสู่คำตอบ
ห็เหมือนที่ฝรั่งว่าใว้ โง่ๆ ไปหน่อย
(อันนี้ข้าพเจ้าไม่ได้พูดนา)

อ้อ หนังเรื่องนี้ ยืนยันความเชื่อใหม่อีกอย่างว่า
การดูหนังโดยไม่รู้ข้อมูลล่วงหน้าเลย
ปล่อยให้หนังพาเราไป มันก็สนุกไปอีกแบบ

เพราะหากว่าข้าพเจ้ารู้ข้อมูบเกี่ยวกับหนังเรื่องนี้
มากกว่านี้อีกสักหน่อย รับรองว่า Forgotten






Melinda and Melinda


หนังของ Woody Allen
ได้ยินชื่อผู้กำกับคนนี้มานานแล้ว
แต่ไม่เคยตั้งใจตามหนังมาดูจริงๆจังๆ
สบโอกาสเห็นเรื่องนี้ ก็เลยเอามาลอง

ท่าทางจะถูกจริตข้าพเจ้า
เดี่ยวจะต้องไปหาเรื่องอื่นมาดู

เรื่องนี้ ตั้งโจทย์ง่ายๆว่า
ชีวิตมันเป็นสุขนาฎกรรม หรือ โศกนาฎกรรม
โดยให้เพื่อนกลุ่มหนึ่งมานั่งถกเถียงกัน

แล้วในกลุ่มก็พยายามเล่าเรื่องประกอบ
จากมุมมองของตนเอง
โดยการใช้โครงเรื่องเดียวกัน
ตัวละครคล้ายๆ กัน

หนังมันเริ่มต้นว่า

ท่ามกลางงานปาร์ตี้
มีแขกไม่ได้รับเชิญมากดกริ่ง
เปิดมาเจอ เป็นผู้หญิง

แล้ว ...

คุณคิดว่า ผู้หญิงคนนั้นเป็นยังไง มาทำไม
สภาพงานปาร์ตี้เป็นยังไง

นี่แหละคือความสุขของการแต่งเรื่อง
และมุมมองคนแต่ละคน

ข้าพเจ้าละ ถนัดนักเชียว
เพ้อเจ้อไปเรื่อยเนี่ย

อ้อ เรื่องนี้ imdb ให้แค่ 6.8/10 เอง
ส่วนข้าพเจ้าให้ 8/10






Aviator


หนังประวัติของ Howard Hughes
และข้าพเจ้าก็ไม่รู้จัก ว่าหมอนี่เป็นใคร
แถมไม่ได้ไปสนใจประวิติของฮอลลีวูดสักเท่าไหร่
เพราะฉะนั้น อย่าถามว่าเบื้องหลังเบื้องลึกเป็นยังไง

เอาเป็นว่า เราพูดถึงในแง่ว่า นี่คือหนังเรื่องหนึ่ง

เด็กชายคนหนึ่ง ร่ำรวย พ่อแม่ทิ้งมรดกใว้เยอะแยะ
วันหนึ่งลุกขึ้นมาทำหนัง ลุกมาสร้างเครื่องบิน
เรื่องมันมีเท่านี้แหละ แหะ แหะ แหะ

แต่แปลกที่หนังยาวๆ ยาว 170 นาที ไม่ทำให้รู้สึกเบื่อ
สงสัยคนทำหนังจะเก่ง คุณ Martin Scorsese ไง

เรื่องนี้ imdb ให้ 7.6/10 ส่วนข้าพเจ้าให้สัก 6/10
ประมาณไม่ดูก็ไม่เสียหายอะไร

Saturday, August 06, 2005

อ๋อ ..... เต้นกลางสายฝน นี่เอง

เพิ่งสังเกตุได้สักพักนึงว่า
ข้าพเจ้ามีคำพูดที่ติดปากคำใหม่
คำว่า อ๋อ

หากมีใครคุยอะไร ข้าพเจ้ามักเริ่มด้วยคำนี้เสมอ
อ๋อ ...
พูดราวกับว่า ข้าพเจ้าเพิ่งนึกได้ ข้าพเจ้าเพิ่งประจักษ์แจ้ง

จริงๆ อาการ อ๋อ เนี่ย ไม่ได้เป็นเฉพาะกับคำพูดหรอกนะ
มันลุกลามไปถึงความคิด ความรู้สึก
บางทีเหตุการณ์ผ่านไปนานแล้ว เพิ่งเข้าใจ เพิ่งรู้สึก
หรือบางที่ จู่ๆ ก็เกิด อ๋อ ขึ้นมาซะงั้น

อย่างเมื่อวาน

เดินออกจากออฟฟิศ
กำลังรอลิฟท์อยู่ที่โถ่งหน้าลิฟท์ ซึ่งปราศจากผู้คน
ข้าพเจ้าก็ฆ่าเวลาระหว่างรอ
ด้วยการกระโดดไปมา ตามแฉกของดวงดาว
ตามประสาคนเพียนๆ
(คือ พื้นที่โถ่งลิฟท์ เขาทำเป็นรูปดาวอะนะ)
ตอนนั้นข้าพเจ้าก็เพลินดีนะ
จนพี่ทำงานมองออกมาจากออฟฟิศ
ข้าพเจ้าก็เขินเล็กน้อย

ครั้นพอลิฟท์เปิด
แล้วข้าพเจ้าเข้าไปยืนข้างใน ก็นึกถึง Alice
สาวน้อยผู้เต้นบ้าบอคนเดียวกลางสายฝน
แล้วข้าพเจ้าก็เข้าในขึ้นมาทันทีว่า ผู้กำกับใส่ฉากนั้นมาทำไม
ผู้กำกับต้องการจะบอกว่า อลิซ คือสาวน้อยผู้รู้สึกโดดเดี่ยว
แต่เป็นความโดยเดี่ยวที่ไม่รันทด เป็นความโดดเดี่ยวที่ไม่เดียวดาย
เพียงแค่ อลิซ ไม่รู้จะเอาความสุขไปแบ่งปันกับใคร ก็เท่านั้น

เมื่อรู้สึก อย่างนี้ ทำให้ข้าพเจ้ายิ่งชอบหนังเรื่องนี้เข้าไปอีก
Hana & Alice หนังของ จุนจิ อิวาอิ
หนังที่ข้าพเจ้าผ่านการดูไปนานมากๆ แล้ว

แล้วข้าพเจ้า ก็นึกชมผู้กำกับว่า
เขารู้ได้ไงว่า คนโดดเดี่ยวเป็นยังไง
หากเขาไม่เคยผ่านมันมาก่อน

อ๋อ เขาต้องเคยเป็นแน่ๆ

Friday, August 05, 2005

ขุดสันดอน

เมื่อวาน เขียนยาว
แต่หายหมด ขี้เกียจเขียนใหม่

วันนี้ ขยันทำงาน
พรุ่งนี้ต้องขยันทำงาน
และ มะรืน คาดว่าจะขยันทำงานอีก

สนุกไปอีกแบบ
ขยันทำงาน ไม่ค่อยเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบ่อยๆ
คาดว่าไม่น่าจะเป็นแบบนี้นาน
เพราะสันดอนของเรา มันรักสบาย
มาตั้งแต่จำความได้ แก้ยากกกกกก

แต่ก็ต้องลองเปลี่ยนดูบ้าง
ขุดสันดอน

Wednesday, August 03, 2005

ผู้ ถู ก รั ก

ชายหญิง คู่หนึ่ง
เป็นแฟนกัน ตอนเรียนมหาวิทยาลัย

เมื่อจบมาทำงาน
มีคนใหม่มาจีบ ผู้หญิงคุยด้วยเล่นๆ
แต่สุดท้ายก็ต้องเลิกกับคนเก่า
และคบกับคนใหม่ -แบบจริงๆ

ผู้ชาย แฟนเก่า ไปเรียนต่อเมืองนอก
และคงสภาพที่เรียกว่า เพื่อนกัน

ปัจจุบัน
ผู้หญิง มีแฟนคนใหม่ คนใหม่เดิมกลายเป็นเพื่อนกัน
ผู้ชาย ก็มีแฟนใหม่ ทั้งหมดนี้รู้จักกัน
และทำงานอยู่บริษัทเดียวกัน บริษัทของพวกเขาเอง

ต้นเดือนก่อน
วันเกิดผู้หญิง
ผู้ชายที่เป็นแฟนเก่า คนแรก เมลล์มาหา
บอกว่ายังรักอยู่ และ ขอแต่งงาน

นี่ไม่ใช่เรื่องสั้นหักมุม
เพราะ มันคือเรื่องจริง

ถามผู้หญิงว่ารู้สึกยังไง

เธอบอกว่า อึดอัดมาก

ข้าพเจ้า สงสัยออกไปว่า
คนถูกรักไม่น่าจะอึดอัด
หากเราชัดเจนในความรู้สึก

เธอยืนยันว่า อึดอัดมาก
เพราะฉันคิดกับเขาแบบเพื่อน แบบพี่น้อง
ให้ฉันเป็นอย่างอื่น แบบที่เขาต้องการไม่ได้


ถือเป็นความรู้ใหม่ของข้าพเจ้า
และยังคนเป็นแค่ความรู้ ไม่ใช่ความรู้สึก


การถูกรัก อึดอัด หรือ เป็นสุข ขึ้นอยู่กับอะไร ?



Tuesday, August 02, 2005

วันนี้ปวดหัว

ตื่นแปดโมงกว่าๆ - สายอีกแล้ว
ถึงที่ทำงานเก้าโมงกว่าๆ - ตีหน้าเศร้าๆ

เจ้านายเดินมาหาตั้งแต่เช้า - รุ่นพี่บอก

เดินไปหาเจ้านาย

สวัสดีตอนเช้า เจ้านายพูด
นึกในใจว่า ประชดหรือเปล่า

เสร็จแล้วเจ้านายก็ร่ายยาว
เป็นภาษาปะกิดแบบลิ้นรัวๆ - ฟังไม่ทัน

จับความได้คร่าวๆ ว่า งานที่ข้าพเจ้าส่งไป
สร้างปัญหาใหญ่ให้กับทางโน้น (ทางโน้น แปลว่าอินเดีย)
เรื่องไปถึงรัฐบาลอินเดียเลยนะ

ข้าพเจ้าก็ต้องแสดงท่าทีตกใจ แบบฝรั่ง
Ohhh ... no

โชคดีเจ้านายไม่ทันเห็น เลยไม่โดนด่า
และเจ้านายก็สีซอ ต่ออีกยาว


ก่อนจบบทสนทนา
ราวกับว่ามันคือเรื่องสั้นหักมุม
เจ้านายชมว่า คุณทำงานดีมาก
ประโยคนี้ ฟังออก - ยืนยันว่าฟังถูก
เจ้านายชมติดต่อกันอีกสามครั้ง

คุณทำงานดีมาก
คุณทำงานดีมาก
คุณทำงานดีมาก

ข้าพเจ้าเลยต้องทำหน้าซื่อๆ บอกไปว่า
ขอบคุณครับ - ขอบคุณครับจริงๆ
พูดภาษาไทยนี่แหละ

หลังจากนั้น
ชีวิตข้าพเจ้าก็ตกต่ำ ทำตัวเป็นวัยรุ่นสิ้นคิด
คุยโทรศัพท์ทั้งวัน ขอเน้นว่าทั้งวัน
เพราะความหมายคือ ทั้งวันจริงๆ


ติดต่อคนนั้น ต่อรองกับคนโน้น
โทรตามคนนี้ รับโทรศัพท์คนนู้น


ปวดหัว อันนี้ก็ไม่ได้เป็นสำนวน
แต่เป็นอาการจริงๆ อาการปวดหัว



ไปออกกำลังกายดีกว่า
อันนี้เป็นความตั้งใจ ที่จะทำ
จริงๆ


แวะมาคุยกับตัวเอง
ประหลาดดีเนอะ
มนุษย์ !

Monday, August 01, 2005

กระจิบและกระจอก

กาลครั้งนั้น

กระจิบ และ กระจอก เกิดมาไม่เคยเจอหน้าพ่อหน้าแม่
ทุกคนชอบเรียกทั้งสองว่า นกกำพร้า
กระจิบ และ กระจอก ไม่ค่อยเข้าใจว่า
กำพร้า กำมืด กำจอบ หรือ กำอะไรก็ตาม
มันเกี่ยวอะไรกับการไม่เคยเจอหน้าพ่อหน้าแม่

นอกจากนั้นทุกคนชอบบอกว่า
พ่อแม่ไปสบายแล้ว ทั้งสองอยู่บนสวรรค์
กระจิบกับกระจอก สงสัยว่า ถ้าสบายทำไมไม่เอาทั้งสองไปด้วย
แล้วสวรรค์ที่ว่า มันอยู่ที่ไหน

จนวันหนึ่ง กระจิบ และกระจอก ได้ยินตำนานแห่งสวรรค์
จากนกพเนจรที่บินหนีหนาวมาจากทางเหนือ



กาลครั้งหนึ่ง นานมาแล้ว



สวรรด์ยังมีอยู่จริง บนดินแดนอันไกลโพ้น
เส้นทางที่จะดั้นด้นไปพบเจอมีเพียงแค่สอง
หนึ่งนั้นผ่านป่ารกทึบและทะเลทรายอันกว้างใหญ่
ไร้ผู้คน อดอยาก และเส้นลำเค็ญ ระหว่างทางไร้ที่พำนักอันถาวร
เป็นเส้นทางแห่งนักพรต วิถีแห่งธรรม
อีกหนึ่งนั้นผ่านเมืองอันรุ่งเรืองและสวยงาม
เส้นทางนี้จะแสนไกลและวกวน เต็มไปด้วยจุดพำนักอันน่าหลงใหล
หมุ่บ้านแห่งเงินตรา ตำหนักแห่งเกิยรติยศ ศาลาแห่งสรรเสริญ
พระราชวังแห่งครอบครัว และหมู่ถ้ำแห่งตัวตน


นกพเนจร ยังเล่าไม่ทันจบ
ก็ต้องไปปฎิบัติภาระกิจ ซึ่งก็คือ
การบินลงใต้

เรื่องเล่านี้ เป็นเสมือนคำชักชวน
และแสงแห่งความหวังในใจของ กระจิบกระจอก เป็นอย่างมาก

สวรรค์อยู่บนดิน ในดินแดนอันไกลโพ้น

ทั้งสองมักหลับไปพร้อมกับคำนี้ในทุกคืน


- - - - - - - -

มาฟังต่อวันหลังนะเด็กๆ





คุยเล่น ท้ายบันทึก


ไม่ได้เป็นคนใจดี - แน่ๆ
ไม่ได้เป็นคนลึกลับ - แน่ๆ
ที่จัดอันดับตอนนี้เพราะว่า เพิ่งอ่านนิตสารสีสัน
ฉบับครบรอบ 16 ปี ที่มีคอลัมน์ 5 ชอบ 5 ไม่ชอบ




แต่วันนี้วุ่นไปหน่อย
ไม่เขียนอะไรจริงๆจังๆ ขอแค่บันทึกหน่อยๆ


วันนี้ออกไปประชุมข้างนอก ขากลับ
ฝนตก เรียกแท็กซี่ยากมาก
ทุกคันชอบปฎิเสธว่า ส่งรถ
เพราะจุดหมายที่เราเรียกไป มันคือ สาธร
ดินแดนแห่งรถติด


นั่งมาในรถกับรุ่นน้องเจ้าของเรื่องวันก่อน

ถามเขาว่า เป็นอย่างไรบ้าง
เขาว่าว่า เหมือนเดิม

ถามเขาว่า อยากจบแบบไหน - ย้ำคิด ย้ำพูด
เขาบอกว่า ผมก็อยากรู้ครับพี่

บอกเขาว่า ผู้หญิงคนนี้รักเอ็งมากนะ
เขาบอกว่า รักมาก แล้วทำไมทำแบบนี้ - ตรูก็อยากรู้
บอกเขาว่า เธอไม่มีทางเลือก ต้องทำแม้จะเจ็บ

ถามเขาว่า ทำไมไม่กลับไปคบกัน
เขาบอกว่า หากกลับไปก็ตายลูกเดียว


นั่งเงียบไปสักพัก


น้องมันถามว่า เมื่อไหร่พี่จะแต่งงาน
ตอบว่า พี่ก็อยากรู้เหมือนกัน ha ha

ว่าแล้วก็เลยกลับมาซ้อมเล่านิทานมันซะเลย
ซ้อมเล่านิทานให้ลูกฟัง
คนเราต้องเตรียมพร้อมในทุกๆ ด้าน
แม้จะยังหาแฟนไม่ได้ หุหุหุ