ช่วงวันหยุดสามวัน
ได้พักผ่อนสมความตั้งใจ
คราแรกเพื่อนชวนไปเที่ยว
บอกว่าจองระยองรีสอร์ทเอาใว้
หนึ่งคืนราคา 4 พันกว่าบาท
ไม่สมควรแก่การจ่าย นอนที่ห้องจะประหยัดกว่า
ข้าพเจ้าจึงขอบาย
ฉะนั้น ข้าพเจ้าจึงเริ่มนอนตั้งแต่เย็นวันพฤหัส
ตื่นอีกทีก็เที่ยงวันศุกร์ เพราะพี่ชายโทรมาตาม
ให้ไปหาที่เมืองทอง มีงานของกรมอาชีวะ
ไปถึงงานก็บ่ายสามกว่าๆ
(หลังรับปากพี่ชายก็แอบงีบอีกเล็กน้อย)
เจอพี่ชาย พี่แกถามว่า ทำไมไม่กลับบ้าน
นึกในใจ ถ้าเอ็งไม่มา ตรูไปเที่ยวไหนแล้วก็ไม่รู้
นี่คงเป็นแผนของแม่อีกแน่ๆ แผนสกัดดาวเที่ยว
มีวันหยุดทีไร พี่ๆ หมุนเวียนกันมาธุระ กทม ทูกที
งานนี้คนมาเที่ยวงานน้อย
แต่เด็กๆ ที่ถูกเกณฑ์มาแข่งโน้นแข่งนี่เยอะไปหมด
เดี่ยวนี้เด็กเทคนิคคงฮิตทำหุ่นยนต์กันแน่ๆ
เพราะงานนี้มีทีมส่งเข้าแข่ง ระดับชาติ 108 ทีม
นี่ระดับชาตินะ ถ้าระดับย่อยๆ ลงไปคงนับไม่ไหว
คงคล้ายๆ บรรดาโครงงานวิทยาศาสตร์สมัยมัธยมแน่ๆ
นึกถึงสมัยที่หุ่นยนต์ยังไม่ฮิต
มีคนบ้า อยู่ไม่กี่คน หนึ่งในนั่นคือ รูมเมทข้าพเจ้า
รูมเมทข้าพเจ้าชอบหายหัวไปทีละอาทิตย์
กับการพยายามประดิษฐ์โน่น ต่อนี่
กลับมาก็คุยแต่เรื่องวงจรโน้นวงจรนี่
เทคนิคนั่นเทคนิคนี่ โปรแกรมนั่โปรแกรมนี่
ฟังยากๆ ยังไงไม่รู้
แถมบางทียังให้ลูกช่างติอย่างข้าพเจ้าวิจารณ์ซะอีก
อันนี้ก็งานถนัด ติ ติ ติ
ครั้นพอมาเห็นหุ่นยนต์เด็กเทคนิค
ไม่ยักกะเหมือนที่เพื่อนมันเคยคุยเลยนี่หว่า
สงสัย ข้าพเจ้าจะจำผิดอีกแล้ว
หุหุหุ ติ ไม่ออก กลัวโดนตืบบบ
อีกอย่างที่ชอบในงานอาชีวะ คือ 108 อาชีพ
งานนี้เขาให้แต่ละโรงเรียน มาสอนทำโน่นทำนี่
(ไม่รู้เขาเรียกตัวเองว่าอะไร ข้าพเจ้าเรียกโรงเรียนก็แล้วกัน)
ข้าพเจ้าสนใจหลายอย่างเชียวแหละ
เช่น แกะสลักดอกไม้ ทำโบว์ ทำขนม
หุหุหุ ม่ายช่าย อันนั้นงานแม่บ้านเกินไป
เอาที่น่าสนใจ ใจข้าพเจ้าอะนะ เช่น
การสกัดกระจก เป็นรูปต่างๆ การเข้ากรอบรูป
การเพ้นท์เซรามิก อะไรเทือกนี้แหละ
ที่ว่ามานะ เรียนฟรีนะ
แถมให้ประกาศนียบัตรซะด้วย
พี่ชายมันบ่นว่า อยู่ในงานมาหลายวันเบื่อมาก
ไม่รู้จะทำอะไรดี ข้าพเจ้าก็แนะนำให้มันเรียนอย่างที่บอก
แต่มันบอกว่า เบื่อแล้วโว้ย ตรูเรียนจนจะครบทุกหลักสูตรแล้ว
เหลือจัดดอกไม้ ทำขนม แกะสลัก นั่นแหละ
เพราะ เขาทำแบบนี้มาตลอด และคงทำไปอีกสักสามชาติ
ข้าพเจ้านึกในใจ
เรียนแล้วก็เรียนซ้ำได้นิหว่า
แกล้งไม่รู้นะ สนุกดี
แต่ความจริงคือ ข้าพเจ้าพูดไปว่า
ไปซื้อปืนสนุกกว่าว่างั้นสิ
มันตอบว่า ช่าย
และชวนข้าพเจ้าไปซื้อปืนที่ วังบูรพา
และแน่นอน ข้าพเจ้าไม่ไป
เบื่อปืนโว้ย อันนั้นก็บอกมัน
แพงจะตาย อันตรายอีกต่างหาก
หนีจากการไปเยี่ยมชมปืนได้ก็กลับมานอน
นอน นอน นอน
จนเพื่อนโทรมาชวนไปงานแต่งงาน
หะแรกก็ งานแต่งงานอีกแล้ว เบื่อชิบ
แต่ก็ไป เพราะ ถ้าไม่ไปจะโดนประนาม
ว่าทำตัวเป็นพวกองุ่นเปรียว
คือ ไม่ได้แต่งงานก็เลยแอนตี้งานแต่งมันซะงั้น
สุดท้ายก็ต้องไปยิ้มเสร่อๆ อยู่ในงานแต่งงาน
งานนี้เป็นงานแต่งงานรุ่นน้อง
นั้นหมายความว่า รุ่นข้าพเจ้าแต่งกันไปหมดแล้ว
เหลืออยู่สองหน่อ
หน่อหนึ่งนั้น ฐานะดี การศึกษาดี อาชีพการงานดี
มีรสนิยมในการใช้ชีวิตที่ดี
แม้จะมุ่งมั่นหาเงินมากไปหน่อย
แต่ก็ยังพากิ๊กไป ดินเนอร์ ที่ซีร๊อกโก ได้
หน่อนี้ยังคง ไม่แต่ง เพราะยังเลือกไปถูกใจ
แน่นอน หน่อที่ว่า ไม่ช่ายข้าพเจ้า
เพราะข้าพเจ้า ตรงข้ามกับคุณสมบิติที่ว่าอย่างสิ้นเชิง
งานแต่งครั้งนี้ นอกจากข้าพเจ้าจะเปลืองเงินแล้ว
ยังเปลืองตัวอีกต่างหาก เพราะเพื่อนๆ จะคอยพูดจา
หรือ ทำอาการอะไรก็ได้ ให้ข้าพเจ้าและอีกหน่อ
รู้สึกว่า การแต่งงานนั้น มีแต่ดีกับดี
และท้ายที่สุดก็คือ การพยายามจับคู่ให้ซะเลย
(อันนี้ ข้าพเจ้ามักไม่ค่อยโดน เพราะไม่อยู่ในข่ายที่น่าสนใจ)
แต่ทำยังไง ข้าพเจ้าก็ไม่ยักกะรู้สึกว่า
การแต่งงานมันมีแต่ดีกับดี
แต่ละคนมีราคาที่ต้องจ่ายไม่เหมือนกัน
สิ่งที่ข้าพเจ้าเห็นจากคู่พวกเพื่อนๆนะเหรอ
หนีก้อนโต จากการซื้อบ้าน ซื้อรถ
แต่ละวันวุ่นวายกับเรื่องลุกๆ
บรรยากาศแบบคู่รัก หายไปนานแล้ว
เมื่อไหร่ที่ข้าพเจ้ามีโอกาสอยู่ด้วย ยังรู้สึกอึดอัดแทน
หากมีเวลาว่างบ้าง พาลูกไปโน่นไปนี่
ส่วนเวลาที่เหลือก็เครียด กับการหาเงิน
ผ่อนบ้าน ผ่อนรถ ค่าเทอมลูก
วัฎจักรมันวนเวียนเหมือนเดิม
ส่วนพวกโสดอย่างข้าพเจ้านะเหรอ
ไม่มีหนี้ เพราะไม่ผ่อนอะไร
ว่างๆ ก็ดูหนัง ท่องเที่ยว ว่างมากก็นอน
การงานก็ทำแบบพอดีๆ สนุกกับการใช้ชิวิต
ดูจะมีความสุขมากกว่า แม้ว่าจะสุขแบบไร้อนาคต
เพราะ เพื่อนๆ มักบอกว่า ลุกๆ คืออนาคตของเขา
อ้อ ยังไม่นับรวมเหงาบ้างเป็นบางโอกาส เท่านั้นเอง
หุหุหุ องุ่นเปรี้ยวอีกแล้ว
กลับจากงานแต่งก็ นอน นอน นอน
แล้วก็ออกกำลังกาย
รำมวยจีน เล่นโยคะ
แล้วก็นอนฟังเพลงสบายๆ
โอ้ สวรรค์ของคนโสด