Wednesday, November 30, 2005

ไม่เป็นสัปรด ท้อ และ แห้ว

วันนี้รู้สึกไม่สบายใจ
สาเหตุไม่มีอะไรมาก
แค่รู้สึกเซ็งตัวเอง

ทำไมต้องฝันถึงคนๆเดิมตลอดเวลา

ไม่ได้เบื่อที่ฝัน
แต่เบื่อที่ตื่นขึ้นมันแล้ว
มันเหมือนมีตะกอนในความรู้สึก
แล้วก็จะเกิดอาการเซ็งไปทั้งวัน

ช่วงไหนฝันบ่อยก็เซ็งบ่อย
ช่วงไหนไม่ค่อยฝันก็ไม่ค่อยเซ็ง

หากมีพรจากพระเจ้า
หนึ่งในข้อที่ฉันจะข้อคือ
ให้ฉันเลิกฝันถึงคนๆนี้ซะที

สำหรับวันนี้
อาการเซ็งของฉันมันคงมีมาก
มากจนฉันต้องหัวเราะออกมา
เพื่อรุ่นพี่ที่ทำงานทักว่า
ทำไมวันนี้ฉันซื้อแต่ผลไม้ไม่ค่อยมงคล
อันประกอบไปด้วย

แห้ว ท้อ
และ อีกอย่างก็ยังไม่เป็นสัปรด ซะอีก

Tuesday, November 29, 2005

เขียนอะไรดี เขียนอะไรไม่ดี

เมื่อวาน ปวดหัว
รีบกลับบ้าน ทานยา โทรศัพท์หาแม่
แล้วก็ปิดมือถือ ปิดไฟ เข้านอน
ประมาณหนึ่งทุ่ม

ไม่แน่ใจว่าเวลาประมาณเท่าไหร่
โทรศัพท์ภายในห้องดังขึ้น
น่าจะเป็นร้านซักรีด
แต่ขี้เกียจลุกขึ้นไปรับ

ตื่นมาอีกทีน้ำประมาณห้าทุ่ม
เพราะคอแห้ง
ดื่มน้ำ แล้วก็นอนต่อ

ตื่นอีกที่ตีสอง
ตามที่ตั้งนาฬิกาปลุกใว้
แต่อาการปวดหัวยังไม่หาย
จึงนอนต่อ

รู้สึกตัวอีกทีตีห้าครึ่งเพราะเสียงนาฬิกา
แต่ก็นอนต่อ ตื่นจริงๆ ก็แปดโมงเช้า
อาบน้ำ รีบแต่งตัวไปทำงาน

ลงมาข้างล่าง
ปรากฏว่าไม่มีเสื้อผ้าที่ฝากใว้ที่ประชาสัมพันธ์
ตามที่คาดใว้

จึงเริ่มสงสัยว่า
ใครโทรมา

เพราะโทรศัพท์ที่ห้องจะดังในสามกรณี
หนึ่งคือ พนักงานมาส่งเสื้อ
สองคือ พนักงานถามมิตเตอร์น้ำ
สามคือ เธอโทรมา
เมื่อไม่ใช่อย่างที่หนึ่ง
และ อย่างที่สองก็เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน
ก็เหลือเพียงอย่างที่สาม
แต่มันก็ไม่ควรจะเกิดขึ้น
เพราะเราเพิ่งไปงานแต่งงานของเธอกันมาหยกๆ

เมื่อสงสัยแล้วไม่มีคำตอบ
ก็... ช่างมัน


ความจริงวันนี้ฉันอยากเขียนกวี
เพราะตอนนี้ฉันอยากอ่านกวี
แล้วเขียนอะไรดี
หรือเขียนอะไรไม่ดีก็ได้
ฉันนึกไม่ออกจริงๆ

ก็ชีวิตฉันมันเรียบๆ แบบนี้แหละ

Monday, November 28, 2005

อยากเศร้า

ได้ยินคำร่ำลือมาจากเพื่อนๆว่า
ภาพยนตร์เรื่อง นานะ เศร้า
เพื่อนคนหนึ่งร้องไห้สี่ครั้ง
รุ่นน้องคนหนึ่งก็ร้องไห้ในตอนเดียวกัน

เมื่อรู้สึกว่าตัวเองจะไร้ความรู้สึกมากเกินไป
จึงพาสังขารไปนั่งดูหนังเรื่องนี้

แต่ก็ไม่เป็นผล
เพราะไม่รู้สึกเศร้าอย่างที่หวัง
แบบว่าเฉยๆ ด้วยซ้ำ
สงสัยจะไม่ค่อยอิน
เดี่ยวจะพยายามใหม่

เรื่องนานะ
เป็นเรื่องของหญิงสาวสองคนที่ชื่อเหมือนกัน
มันเหมือนขาวกับดำ
คนหนึ่งติสท์ซะเหลือเกิน
อีกคนหนึ่งก็ยังกะมาจากโลกที่มีแต่สีขาว

เรื่องราวเกี่ยวข้องพัวพันก็น่าสนใจ
น่าแนะนำให้ไปดู

Tuesday, November 22, 2005

ไม่อยากโทษ แต่ไม่อยากอภัย

แม่ก็นอนโรงพยาบาลมาสิบหกวันแล้ว
และก็คงต้องอยู่ไปอีกหลายวัน

สาเหตุที่ทำให้แม่ต้องนอนโรงพยาบาลคือ
ไตทั้งสองข้างฝ่อหรือลีบไปร้อยเปอร์เซ็นต์แล้ว
มันคืออาการ ไตวายเรื้อรัง

แล้วมัน เกิดขึ้นได้ยังไง
นี่คือคำถามแรกที่ฉันถาม
พี่ฉันตอบว่า เขาก็ถามหมอแบบนี้
แต่หมอก็ได้แต่นิ่ง

ปกติ แม่จะไปหาหมอทุกสองสัปดาห์
หมอจะทำการตรวจโน่นตรวจนี่แล้วก็จ่ายยา
ทำอย่างนี้มาเป็นเวลาแปดปี
แล้วจู่ๆ จะมาพบว่าไตฝ่อร้อยเปอร์เซ็นต์ได้ยังไง
มันน่าจะปรากฎอาการหรือแสดงผลนานมาแล้ว

คำตอบของข้อสงสัยนี้
คงต้องปล่อยไปตามสายลม

การรักษาอาการไตวายเรื้อรังมีสามวิธีคือ
เปลี่ยนไต ฟอกเลือด และล้างไตผ่านช่องท้อง
การเปลี่ยนไต ทำไม่ได้เพราะแม่อายุมากแล้ว
การฟอกเลือดทำไม่ได้เพราะแม่เป็นโรคหัวใจอ่อนๆ
เหลือวิธีการเดียวคือล้างไตผ่านช่องท้อง
ซึ่งต้องทำการผ่านตัดสอดท่อ
แล้วทำการล้างวันละสี่ครั้ง
หกโมงเช้า เที่ยงวัน หกโมงเย็น เที่ยงคืน

คำถามต่อมาคือ
มันมีทางเลือกอื่นนอกจากนี้ไหม
มีการแพทย์ทางเลือกอื่นหรือไม่

นั่นคือสิ่งที่ฉันและบรรดาพี่น้องต้องทำการหาข้อมูล
ภายในระยะเวลาอันจำกัด

นั่นคือปัญหาของวันก่อน
ถึงวันนี้ เราผ่านจุดนั้น
และเข้าสู่ปัญหาใหม่ๆ
ซึ่งยกขบวนกันมาเยือนครอบครัวเรา

Monday, November 21, 2005

งานแต่ง

วันจันทร์


เจ้าสาวแวะมาหา เพื่อแจกการ์ด
เราคุยกันหลายๆเรื่อง
ฉันถามเธอในหลายๆประเด็นเพื่อเป็นความรู้

กลัวไหม!
ตื่นเต้นไหม!
ดีใจไหม!
มั่นใจไหม!
อะไรทำให้คนสองคนตัดสินใจแต่งงานกัน!
ฯลฯ



วันพฤหัส



ฉันออกเดินทางจาก กทม ราวๆสามทุ่ม
กว่าจะถึงแม่สอดก็เป็นเวลาเกือบตีสาม


วันศุกร์


เข้านอนเพียงเล็กน้อย
ก็ต้องรีบตื่นมาเพื่อเข้าร่วมทำพิธีทางศาสนา
เจ้าบ่าวไม่มีญาติผู้ใหญ่ที่เป็นผู้ชาย
บรรดาเพื่อนๆจึงต้องกลายเป็นญาติผู้ใหญ่ไปโดยปริยาย
กว่าจะเสร็จเรื่องเสร็จราวก็ปาเข้าไปประมาณบ่ายสาม


หลังจากพิธีพ่อเจ้าสาวเดินเข้ามาพูดคุยเป็นการส่วนตัวเล็กน้อย
ฉันจะเข้าใจว่าคุณพ่ออยากจะพูดอะไร
แต่ฉันก็ทำใด้ดีที่สุดเพียงเท่านี้

แม้ว่าเมืองนี้จะน่าอยู่
แต่ฉันก็ไม่เคยคิดจะมาลงหลักปักฐานที่นี้
แม้ฉันยังไม่รู้ว่าบ้านของฉันมันจะอยู่ที่ไหน
แต่ฉันก็แน่ใจว่า ที่นี้ไม่ใช่บ้านของฉัน


หลังจากทานข้าวแล้ว
บรรดาเพื่อนๆก็แวะไปเที่ยวตลาดริมเมย
รู้สึกว่าตลาดเงียบลงไปกว่าสมัยก่อนอย่างมาก

จากตลาดก็แวะไปทานขนมกันที่ร้านข้าวเม่าข้าวฟ่าง
ร้านที่มีการจัดสวนและตกแต่งสถานที่ได้งดงาม

กลับมาถึงที่พักพวกเราก็นั่งพูดคุยสังสรรค์กัน
สอบถามเรื่องราวของกันและกัน
เพราะแต่ละคนก็ไม่ได้มีโอกาสเจอกันบ่อยนัก
กว่าจะได้เข้านอนก็ปาเข้าไปตีสอง


วันเสาร์


ความเดิมคือ ฉันตั้งใจจะอยู่ร่วมในงานเลี้ยงฉลอง
ซึ่งจะจัดเป็นงานโต๊ะจีนในตอนเย็น
แต่บรรดาเพื่อนๆ เริ่มเบื่อและอยากไปเที่ยวมากกว่า
ฉันจึงร่วมขบวนไปกับเขาด้วย

แม้ว่าจะเราต้องได้เจอกันอีกแน่นอนในวันเสาร์หน้า
เพราะจะมีงานเลี้ยงฉลองที่กรุงเทพ
แต่ฉันก็รู้สึกในหายกับการลาครั้งนี้
และฉันก็รู้สึกว่ามีหลายคนใจหายเหมือนกันฉัน

เราขับรถจากแม่สอด
มุ่งหน้าไปพักที่ภูแก้ว แถวเขาค้อ

ระหว่างที่อยู่ในรถ
เรื่องราวของฉัน ก็ถูกจัดเป็นหัวข้อสนทนาหลัก
เพราะฉันเป็นคนสุดท้ายที่ ยังโสด
และไม่มีวี่แววว่าจะได้ สละโสด

มีคำถามหนึ่งที่ฉันยังรู้สึกติดใจ
มีเพื่อนคนหนึ่งถามว่า

รู้สึกว่าตัวเองกำลังพลาดไปหรือเปล่า

ตอนนั้นฉันตอบไปว่า
คงเป็นโชคดีของคนอื่น
และคงเป็นโชคร้ายของฉันละมั้ง
ที่ทำให้เรื่องราวมันดำเนินไปอย่างที่มันควรจะเป็น

เพื่อนคนนั้นตอบกลับว่า

เบื้องบนอาจจะกำหนดคนๆหนึ่งมาให้เอ็งแล้ว
เพียงแต่เขาสร้างความน่าจะเป็นใว้แค่เจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์
แล้วให้เอ็งพยายามอีกสักสามสิบเปอร์เซ็นต์
แต่เอ็งก็มักจะไม่พยายาม
แล้วก็มานั่งโทษโชคชะตาอยู่ร่ำไป

ที่เหลือก็มีทั้งการสงสาร สมน้ำหน้า สมเพช
หรือ ตอกย้ำ อำ หรือ อะไรก็ตาม
ที่บรรดาสมองของเพื่อนๆสามารถคิดได้


วันอาทิตย์


ตื่นตั้งแต่เช้า ออกมาเดินเล่น
บรรยากาศในรีสอร์ทที่พักดีมาก
อากาศหนาว รู้สึกหนาวเข้าไปถึงใจ


เฮ้อ ฉันอยากแต่งงาน

หุหุหุ
แล้วต้องทำยังไงเนี่ย

Thursday, November 17, 2005

เบื้องบน

วันก่อน

มีคนบอกกับฉันว่า
ชั่วขณะที่กระพริบตาบนสสรวงสวรรค์
เวลาบนโลกนี้ก็ผ่านไปหลายสิบปี
เขาคนนั้นบ่นน้อยอกน้อยใจว่า
แล้วหากเบื้องบนลืมมองเขาไปสักแค่ชั่วขณะ
มันไปกินเวลาไปทั้งชีวิตของเขาดอกฤา

ฉันปลอบใจเขาไปว่า
เบื้องบนมีความยุติที่ธรรมเสมอ
ไม่เคยมีใครถูกทอดทิ้งหรือหลงลืม


วันนี้

ฉันถามตัวเองว่า
ทำไมเราจึงต้องเจอแต่เรื่องหนักๆ
เบื้องบนต้องการทดสอบอะไรกันเหรอ

Wednesday, November 16, 2005

ลอย

คงไม่ใช่เรื่องบังเอิญ
ที่เธอไม่ได้คู่กับฉัน
เมื่อถึงเวลาเราจึงต้องจากกัน
ฉันไม่รู้ว่าเธอจะต้องไปเจออะไรบ้าง
และฉันเองก็ยังไม่รู้ว่าจะเจอกับอะไร
หวังเพียงแต่ว่า ทั้งเธอและฉัน
จะเจอแต่เรื่องดีๆ