Monday, March 19, 2007

ขอให้มีความสุข ทุกๆวัน






ขอให้มีความสุขทุกๆวัน
โดย ขวัญ เพียงหทัย
ราคา 150 บาท


- - - - - - - - - - - - - -


หลายปีมาแล้ว
มีผู้ชายคนหนึ่ง
แสดงความคิดเห็นถึงหนังสือธรรมะ
ของคุณขวัญ เพียงหทัย
ในพื้นที่สาธารณะ

คุณขวัญ เขียนจดหมายมาแสดงความคิดเห็นตอบ

ถึงวันนี้
คุณขวัญอาจจะลืมเรื่องดังกล่าวไปแล้ว
แต่ผู้ชายคนนั้นยังจำได้ดี

แม้ถึงวันนี้
เขาจะยืนยันความคิดเดิม
แต่ก็รู้สึกเสียใจ
ที่ใช้พื้นที่สาธารณะ
ทำให้คนอื่นเสียใจ


- - - - - - - - - - - - - -


ตัวอย่างบางตอน





ติช นัท ฮันท์ ภิกษุชาวเวียดนาม กล่าวใว้ว่า
จำเป็นด้วยหรือที่เราต้องพยายามเป็นพิเศษที่จะรู้สึกมีความสุข
เมื่อเห็นความงดงามของท้องฟ้าสีคราม
เราต้องฝึกฝนที่จะรู้สึกเป็นสุขด้วยหรือ เปล่าเลย
เรารู้สึกได้เอง แต่ละวินาที แต่ละนาทีของชีวิตเราก็เป็นเช่นนี้ได้




ใบไม้สีเหลือง
ย่อมปลิดปลิวในฤดูใบไม้ร่วง
จันทร์เต็มดวงแล้วย่อมเว้าเป็นเสี้ยว
เวลาผ่านไป เราย่อมโรยรา
ทุกสิ่งเป็นธรรมดา ไปตามธรรมชาติ
จะกังวลไปไย มาร้องเพลงกัน




เธอเศร้าหรือ เธอหดหู่หรือ
มาเต้นรำกับฉันสิ
วันนี้แดดสวยจะตาย
ลมก็เย็นด้วย
ความสุข ความสุข




ไม่มีความฝันจะซื้อที่บนดวงจันทร์
ไม่มีความหวังจะถูกหวยกลางอากาศ
ไม่มีแก่ใจจะไปเต้นแอโรบิค
เพียงแต่อยากให้เช้านี้มีแสงแดด
จะได้นั่งเย็บฝ้าเงียบๆ
อย่างมีความสุข



- - - - - - - - - - - -


ในวันที่จิตใจสุขสงบ
เลือกหนังสือดีๆสักเล่ม
อ่าน
และนั่งทบทวน

ยิ่งเป็นสุข

Saturday, March 17, 2007

เกาะขาม สัตหีบ






















หน้าร้อนมาถึง
ทุกคนมุ่งไปทะเล
หากเวลาไม่ได้มากพอ
เกาะขามก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ

จาก กทม ประมาณสองชั่วโมง
ถึงท่าเรือหมาจอ
ค่าลงเรือ ๒๐๐ บาท

เราก็สามารถไปดำน้ำดูปะการัง
นอนเล่น
พักผ่อน

ถือได้ว่าน่าพอใจ
สำหรับการท่องเที่ยวฉบับง่ายๆ
ไปเช้า เย็นกลับ

ขากลับหากไม่รีบมาก
ก็แวะทานอาหารเย็นที่จอมเทียน
ลมทะเลเย็นๆ
พร้อมพระอาทิตย์ตกดินสวยๆ

ถือว่าเป็นวันพักผ่อนที่น่าพอใจ

Monday, March 12, 2007

Foolstop : ภิญโญ ไตรสุริยธรรม

Foolstop เป็นคอลัมน์หนึ่งในหนังสือ GM ที่ผมชอบ
ซึ่งผมก็มักป่าวประกาศความชอบให้เพื่อนๆได้ฟังเสมอ

คนที่ยังไม่เคยอ่านมักจะถามว่า
ใครเขียน
เขียนเกี่ยวกับอะไร
คำถามแรกตอบง่าย
แต่คำถามที่สองตอบยาก

Foolstop ถูกรวมเล่มครั้งแรกในปี ๒๕๔๕
ผมไม่พลาดที่จะหามาอ่านอีกรอบ
ถึงวันนี้ไม่รู้ว่าหนังสือเล่มดังกล่าว
เดินทางไปอยู่ณ.แห่งหนไหน

เมื่อเห็น Foolstop second edition อีกครั้ง
ก็ไม่พลาดที่จะหยิบติดไม้ติดมือมาอ่าน
แล้วความรู้สึกก็ยังเหมือนเดิม
ผมชอบงานเขียนชุดนี้

ถ้าจะถามว่าชอบอะไร
ตอบยากพอๆกับคำถามว่า
ภิญโญเขียนถึงอะไร

Foolstop
คือเรื่องเล่าถึงผู้คนที่ผู้ชายคนหนึ่ง
ได้มีโอกาสได้เจอะเจอ
มันคงไม่สามารถบอกได้ว่า
เรื่องราวเหล่านั้นสอนอะไร
เพราะมันไม่ใช่นิทานอีสบ

ใครอยากรู้
คงต้องอ่านกันเอง
แล้วประสบการที่ผ่านมาของแต่ละคน
จะบอกคุณเองว่า
คุณเห็นอะไรจากเรื่องเล่าเหล่านั้น

- - - -

ในยุคสมัยของการเดินทาง

หลายปีที่ผ่านมานี้
การเดินทางเฟื่องฟูมากในหมู่คนหนุ่มสาว
หนังสือรวมเล่มเกี่ยวกับการเดินทาง
ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า
นักเดินทางกลายเป็นวีรบุรุษ
และวีรสตรีตัวน้อยๆสำหรับคนรุ่นใหม่
ทั้งที่ความจริงแล้ว
เขาและเธอเหล่านั้น
ต่างมีเหตุผลในการเดินทางของตัวเองที่แตกต่างกันไป

เมื่อการอยู่กับที่ไม่สามารถตอบคำถามได้
เราจึงเริ่มคิดถึงการเดินทางออกไปไกลๆ
ด้วยหวังว่าจะมีคำตอบว่อนตัวอยู่ในความหนาวเย็น
ณ ดินแดนอันไกลพ้น รอให้เราไปขุดค้นพบ

หรือบางครั้ง
การเดินทางอาจจะเป็นเพียงแค่การหลีกหนี
จากความซ้ำซากจำเจ
เป็นการนำพาตัวเองออกไปเสี่ยงอันตราย
พบพานกับความยากลำบาก
หรือเพียงสัมผัสกับความไม่คุ้นชินบางประการ
ชีวิตก็อาจจะสดชื่นขึ้น
เหมือนกับการได้ขับรถเข้าโค้งผ่านเนินเขาสู่ต่ำบ้าง
หลังจากชีวิตมีแต่เส้นทางตรงและราบเรียบมายาวนาน

: จาก บทนำ คำตอบของ พระคเนศ
Foolstop โดย ภิญโญ ไตรสุริยธรรมา


- - - - -


"คนที่ชอบเดินทางท่องเที่ยวขาดอะไร"

เพื่อนคนหนึ่งโยนคำถามนี้มาที่ผม
ผมได้แต่ยิ้ม แล้วถามกลับว่า

ต้องขาดอะไรด้วยเหรอ
ก็แค่อยากไปเที่ยว
ต้องถึงกับเป็นคนมีปัญญาชีวิตเลยเหรอ

นั่นเป็นการตอบปัญหาแบบของผม
การตอบในกรณีที่ไม่อยากพูดยาวๆ
เพราะผมชอบฟังมากกว่าพูด
และหากอยากจะพูดผมมักเลือกจะเขียนมันมากกว่า

ในวันที่มีเวลา
ผมร่ายยาวให้เพื่อนคนนี้ฟังว่า

เคยเห็นคนที่ตระเวณชิมอาหารอร่อยๆ
ตามร้านต่างๆไหม
คิดว่าคนเหล่านี้ขาดอะไรไหม

เคยได้ยินไหมว่ามีคนชอบไปเที่ยวอาบอบนวด
ทั้งๆที่มีภรรยาอยู่แล้วทั้งคน
คิดว่าคนเหล่านี้ ขาดอะไรไหม

คนชอบท่องเที่ยว
ก็ไม่ได้ต่างอะไรกับคนเหล่านั้นหรอก

รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส
ก็เป็นกิเลสด้วยกันทั้งนั้น

การท่องเที่ยวไม่ได้สูงส่งอะไรหรอก
จะเรียกท่องเที่ยว เดินทาง ทัศนาจร
หรืออะไรก็แล้วแต่จะเรียก
ผมก็จัดให้เป็นกิเลสอย่างหนึ่ง

คนแต่ละคนจะมีกิเลสไม่เหมือนกัน
โลกนี้มันเลยเต็มไปด้วยคนประเภทต่างๆ
คนนั้นลุ่มหลงเรื่องโน้น
คนโน้นกลับชอบเรื่องนี้
คนนี้ยอมแลกทุกอย่าง
กับเรื่องไร้สาระในสายตาคนอื่น

หากบอกว่าคนเหล่านั้นต้องขาดอะไรไปสักอย่าง
ก็แน่นอนว่า
ทุกคนในโลกนี้ต้องขาดอะไรสักอย่าง

และนี่แหละ คือสเน่ห์ของมนุษย์
สิ่งมีชีวิตที่ขาดๆเกินๆ
แต่ละชีวิตจึงมีเรื่องราวที่ไม่เหมือนกัน

และผมก็ชอบฟังเรื่องเล่าพวกขาดๆเกินๆ

Foolstop ของภิญโญ
เล่าเรื่องของมนุษย์ อย่างมีชั้นเชิง
ก็คงไม่มีเหตุผลอื่น ที่ผมจะไม่ชอบเรื่องเล่าแบบนี้

ล่องเรือแม่น้ำบางปะกง

๑๐.๐๐ พร้อมกันนะจุดนัดหมาย

๑๑.๐๐ ถึงคลองสวน ตลาดร้อยปี
เดินเที่ยวชมตลาดในบรรยากาศเดิมๆ
พร้อมรับประทานอาหารเที่ยง







๑๒.๐๐ เดินทางต่อไปวัดหลวงพ่อโสธร
ชมอุโบสถหลังใหม่ ที่ก่อสร้างด้วยหินอ่อนจากอิตาลี
ราคาค่าก่อสร้างกว่าสองพันล้านบาท






๑๕.๓๐ ล่องเรือแม่น้ำบางปะกง จากท่าน้ำวัดโสธร
ชมทิวทัศน์ และสถานที่สำคัญสองฝั่งแม่น้ำ
มุ่งสู่ตลาดบ้านใหม่ และวัดเล่งยี่หง














๑๘.๐๐ เพลิดเพลินกับอาหารค่ำ
ณ.ร้านอาหารริมแม่น้ำบางปะกง

๒๑.๓๐ เดินทางกลับถึงจุดที่เริ่มออกเดินทาง



ค่าใช้จ่าย

ค่าเดินทาง ๘๐ บาท
ค่าอาหารเที่ยง ๓๐ บาท
ค่าล่องเรือ ๑๐๐ บาท
ค่าอาหารเย็น ๒๕๐ บาท
ค่าขนมและน้ำ ๙๐ บาท

รวมค่าใช้จ่าย ๕๕๐ บาท

Saturday, March 10, 2007

ไม่มีโทรศัพท์ และเครื่องปรับอากาศ : วรพจน์ พันธุ์พงศ์

เราเกิดมาอย่างโดดเดี่ยว
และตายไปโดยลำพัง

การอยู่คนเดียวเป็นศิลปะขั้นต้นๆ
ที่ทุกคนต้องเรียนรู้

แม้คนที่มีความจำสั้นที่สุด
เขาก็ต้องมีทางผ่าน
ที่ไม่มีวันหลงลืม

เบาบางหรือหนักหนาสาหัส
ทว่าทุกชีวิตมีห้วงโมงยามแห่งความทุกข์ร้อน
เมื่อยิ่งโตเราก็ยิ่งพบว่ามีความทุกข์มากกว่าความสุข
มีความทรงจำเจ็บปวดเกาะกุมกินพื้นที่ในหัวใจ
มากกว่าความสนุกสนานเบิกบาน

อาการบาดเจ็บไม่ได้หมายความเฉพาะผู้ป่วย
หรือคนมีบาดแผล
แท้จริงแล้วเราอาจจะบาดเจ็บไม่แพ้กัน
กระทั่งบางรายอาจถึงขั้นโคม่า
แม้ว่าจะไม่เห็นเลือดสักหยด

บาดแผลบางชนิด
ก็ไม่ได้เกิดจากความผิดบาปของเรา


โลกมันเป็นเช่นนี้

โลกมีคำถามมากมายที่ยังไม่มีคำตอบ

หลายคนอาจจะบอกว่า
การเดินทางเป็นมรรคาวิถีแห่งแสงสว่าง
เป็นการเปิดโลกทัศน์
เปิดโอกาสไปสู่สิ่งใหม่ที่ดีกว่า

คนเราต้องให้คุณค่ากับอะไรบางอย่าง
มันเป็นเส้นทางการพัฒนาตัวเอง เป็นวิถี
คนเราไม่มีทางเติบโตทางความคิด จิตวิญญาณ
ถ้าไม่นับถือศรัทธาสิ่งใดเลย
คุณค่าบางอย่างเกิดขึ้นเสมอ เมื่อเราทุ่มเท อุทิศเวลา
และความตั้งใจให้กับอะไรบางอย่าง

ยิ่งการศรัทธาต่อตัวเองจำเป็นมากต่อการมีชีวิต

ปราชญ์ที่แท้และสุดยอดนักเดินทาง
มีความอ่อนน้อมถ่อมตน

บางครั้ง
เพราะคนเราอยู่นิ่งๆนานๆเข้าก็อยากเดินทาง
ครั้นเมื่อตระเวนร้อยเอ็ดเจ็ดย่านน้ำจนเหนื่อยล้า
ก็อาจปรารถนาที่ทางสงบๆ เรียบง่าย
แม้กระทั่งความซ้ำซากจำเจ

โลกมันเป็นอย่างนี้
โลกนี้ไม่เคยมีคำตอบที่ถูกต้องสำหรับทุกคน

คนเราทุกวันนี้วิ่งตลอดเวลา
วิ่งไปกับความคิด ความรู้สึก
วิ่งมากๆเข้าก็เหนื่อย

ตลอดเส้นทางชีวิตที่ผ่านมา
เราสร้างและทิ้งอะไรไปบ้าง
ทั้งตั้งใจและไม่ตั้งใจ
ไม่ใครก็ใครที่ต้องพลาดทำผิด

ณ.จุดสุดท้าย
ความสุข
ที่เราเชื่อว่าอยู่บนฝากฟ้าและดวงดาว
แท้จริงมันอยู่บนพื้นดินธรรมาดา

มีสักครั้งไหมที่เราให้เวลาหันกลับไป
กอบเก็บร่องรอยความคิดความเชื่อในวัยหนุ่มสาว

ปัญหาคือเราออกเดินทางกันมาไกลแสนไกล
แม้อยากหันหลังกลับ
ทว่าร่องรอยของบางเส้นทางก็เลือนรางเหลือเกิน

ทุกคนมีความสุขได้
ถ้าเข้าใจและบริหารเงื่อนไขที่มีอยู่
ให้เป็นไปตามครรลองที่ควรจะเป็น

ทุกคนมีพื้นที่และความพอดี
ที่จะใช้ชีวิตได้ตามอัตภาพ



- - - - -

ไม่มีโทรศัพท์ และเครื่องปรับอากาศ : วรพจน์ พันธุ์พงศ์
สำนักพิมพ์ Open

Why can't we spent only 5 minutes
to write something for our friend?

Tuesday, March 06, 2007

ไหลไปตามกระแส





วันศุกร์ที่ ๒ มีนาคม

แวะร้านหนังสือหลังเลิกงาน
ตั้งใจว่าจะหาหนังสืออ่านเล่น
สำหรับวันหยุดสุดสัปดาห์

ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา
นอกจากจะวุ่นกับการงานแล้ว
ต้องเจียดสมองส่วนใหญ่เพื่อคิดว่า
จะไปเที่ยวที่ไหน และเที่ยวที่ถึงจะดี
(สั้นๆคือ เที่ยวไหนดี)

เนื่องจากว่าสองครั้งที่ผ่านมา
ไปเที่ยวป่า ทั้งชัยภูมิ และราชบุรี
เจอแต่ป่าแห้งๆ
ไม่อยากเจอสถานที่ท่องเที่ยวแบบนั้นอีก
และก็ยังไม่อยากไปทะเล

เกิดอาการสมองตัน
หมดปัญหาหาที่เที่ยว

เย็นวันศุกร์รุ่นพี่ที่จะไปด้วยกันจึงสรุปสั้นๆง่ายๆ
พี่คงเที่ยวงานวัดแถวบ้านนี่แหละ
เฟิงหาที่เที่ยวเองก็แล้วกันนะ

อืม
ก็ดีเหมือนกัน
จะได้พักอยู่ห้อง ๓ วัน
จะได้มีเวลาอ่านหนังสือเงียบๆ
เตรียมแผนการเดินทางสำหรับสงกรานต์

ดูทีวีก่อนนอน
มีคนพูดถึงประเด็นที่กำลังสงสัย
อะไรทำให้คนบางคนไม่เบื่อ
อะไรทำให้คนบางคนท้อ
เมื่อเจอปัญหาเดิมๆ
ที่มันไม่วันแก้ได้หมด

คำตอบก็ง่ายๆ แต่ทำยาก
เหมือนๆกับ สัจธรรมอื่นๆนั่นแหละ
ง่ายๆ งดงาม แต่ทำยาก ชะมัด



วันเสาร์ที่ ๓ มีนาคม


ประมาณแปดโมงกว่าๆ
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น
ความคิดแแรกคือ
ใครที่ไหนจะมีธุระตอนเช้าวันเสาร์
วันแรกของวันหยุดติดต่อกันสามวัน

งัวเงียขึ้นมาเปิดโทรศัพท์
ก็โทรกลับไปหา
เป็นไปตามคาด
รุ่นพี่โทรมาชวนไปเที่ยว

บ่ายโมงตรง
รถตู้อนุสาวรีย์แก่งกระจานออกจากท่า
แวะรับผู้โดยสารอีกสองคนที่พระรามสอง
สมาชิกทั้งสามคนพร้อมเดินทาง
เพื่อไปสมทบกับเพื่อนอีก ๘ คน
ที่เดินทางไปถึงก่อนแล้ว

ประมาณสี่โมงกว่า
พวกเราก็เดินทางถึงจุดหมาย
บ้านสวนริเวอร์รีสอร์ท
รีสอร์ทที่ตั้งอยู่ติดแม่น้ำเพชรบุรี
ก่อนถึงเขื่อนแก่งกระจาน

จัดการเก็บของเข้าที่พัก
แล้วก็เปลี่ยนเสื้อผ้าเล่นน้ำ
จนคำมืด ก็จัดการกับอาหารค่ำ
โดยเป้าหมายในคืนนี้ของพวกเราคือ
การรอดูจันทรุปราคา ตอนประมาณตีสี่












วันอาทิตย์ที่ ๔ มีนาคม

ค่อยๆตื่น
ตื่นขึ้นมาก็เล่นน้ำ
เหนื่อยจากการเล่นน้ำก็ขึ้นมาอ่านหนังสือ
พักสายตาด้วยการนอน
ร้อนขึ้นมาก็ลงไปแช่น้ำ

วนเวียนอยู่แค่นี้
วันพักผ่อนสบายๆแบบนี้
มีความสุขดี


วันจันทร์ที่ ๕ มีนาคม

กิจกรรมยังคงเหมือนกับเมื่อวาน
เพิ่มการลอยคอตามแม่น้ำเพชร
ระยะทางประมาณสี่กิโลเมตร
ใช้เวลาประมาณสองชั่วโมง

ปล่อยตัวให้ไหลไปตามน้ำ
น้ำเย็นๆ ไหลเร็วบ้าง ช้าบ้าง
บรรยากาศเย็นตาสองฝั่งแม่น้ำ
มีดนตรีประกอบเป็นเสียงนกต่างๆ เสียงไม้ไผ่ต้องลม
ถือเป็นช่วงเวลาที่น่ารื่นรมย์เป็นอย่างมาก

หลังจากพักทานอาหารเที่ยง
ซึ่งส่วนใหญ่ก็เป็นเมนูปลา

กิจกรรมการปล่อยตัวไปตามกระแส
ก็เริ่มขึ้นอีกครั้ง
ถึงตอนนี้ใครอยากฝืนกระแสก็ตามใจ
เพราะสมาชิกส่วนใหญ่ชอบไหลไปตามน้ำ

เพราะจริงๆแล้ว
การไหลไปตามกระแส
มันก็มีความสุขดี

หากเราเป็นคนเลือก



















Thursday, March 01, 2007

Did you know ?

จะเขียนอะไรดีน๊า

จะเขียนถึง
ตำนานสมเด็จพระนเรศวร ภาคสอง
ก็ไม่รู้จะเขียนอะไร
รู้แต่ว่า สนุกดี
เหมือนลอร์ดออฟเดอะริงค์ไปนิ๊ดนึง

จะเขียนถึง
Nada Sou Sou : Tears for you
ก็ไม่รู้จะเขียนอะไร
รู้แต่ว่า สนุกดี
คล้ายๆการ์ตูนเรื่อง มิยูกิ ของอาดาจิ มึซึรุ
และผู้กำกับ Be with you ก็รู้ทันอารมณ์คนดูเหมือนเดิม

จะเขียนเรื่องหัวแตก
ก็ทำใจได้แล้ว
จ่ายไปเท่าที่ต้องจ่าย
ค่าล้างแผลอีก 500
ค่าตัดไหม 1200

จะเขียนถึง เรื่องหม่อมอุ๋ย
ก็เบื่อ
ไม่รู้ว่าทางออกมันอย่างไหนจะดีกว่ากัน
ควรเก็บใว้หรือไล่ไปซะ

จะเขียนถึงไอทีวี
ก็เซ็ง
ประเทศนี้มันก็อย่างนี้แหละ

ยิ่งเรื่องภาคใต้
ทำไมมันรุนแรงขึ้นทุกวัน
ใครเป็นคนทำ คนทำต้องการอะไร
แล้วใครจะแก้ปัญหา

ตอนนี้เริ่มอยากรู้ว่า
ยิ่งอายุมากขึ้น
อะไรทำให้เรายังตื่นเต้นกับสิ่งที่เห็น
อะไรทำให้เราทำใจได้กับความผิดเดิมๆ
หรืออะไรทำให้เราหัวเราะได้กับเรื่องตลกเดิมๆ

เราจะเก็บสายตาที่มองโลกอย่างสวยงาม
ได้อย่างไร