อย่าให้ความรักนำทางอาจจะฟังดูเป็นพวกองุ่นเปรี้ยว
ออกมาในแนวทางต่อต้านความโรแมนติค
แต่ตอนนี้ผมรู้สึกว่า อย่าให้ความรักนำทาง
ที่มาของความคิดแบบนี้ก็เนื่องจาก
เปิดดูละคร ดูหนัง ฟังเพลง
ก็เห็นว่าสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ปัญหามันมากมาย
ก็เพราะแต่ละคนใช้ความรักนำทาง
เอาความรักเป็นที่ตั้ง จนเกินไป
เรื่องราววุ่นวายมันก็เลยตามมาซะมากมาย
หากเพราๆลงซะบ้าง ก็อาจจะดี
ฟางเส้นสุดท้ายเพิ่งอ่านหนังสือชื่อ
อีกหนึ่งฟางฝัน
บันทึกแรมทางของชีวิต
โดย จิระนันท์ พิตรปรีชา
หลังจากอ่านจบ
ก็ต้องไปรื้อหนังสือของเสกสรรค์ ประเสริฐกุล
ทุกเล่มที่เคยซื้อใว้ ก็เกือบทุกเล่มที่พิมพ์ออกมานั่นแหละ
กลับมาอ่านใหม่ อยากปะติดปะต่อเรื่องราวให้สมบูรณ์
อาจฟังดูเป็นการสนใจเรื่องชาวบ้านเกินเหตุ
ซึ่งความจริงมันก็เป็นเช่นนั้นแล แหะแหะแหะ
ตอนอ่านหนังสือของเสกสรรค์
ซึ่งจับเรื่องมาเล่าเป็นจุดๆ
การปะติดปะต่อเรื่อง จึงลำบาก
ครั้นจิระนันท์ เล่าเรื่องตามลำดับเวลา
ก็ทำให้เข้าใจที่มาของแต่ละเหตุการณ์ได้ดียิ่งขึ้น
แต่ที่เกริ่นมาซะยาวไม่ช่ายเหตุผลที่กำลังบันทึก
เพราะสิ่งที่นึกคิดอยู่ตอนนี้คือ
แม้เวลาจะล่วงผ่านไปนาน
สถาณการณ์บ้านเมืองไม่เคยเปลี่ยน
แม้ใครต่อใครจะบอกว่า
ประวัติศาสตร์มักจะหมุนวนกลับมาที่เดิม
แต่ผมกลับรู้สึกว่า
ผ่านมาเกือบสามสิบปี
กงล้อประวัติศาสตร์ยังไม่ได้หมุนไปที่ไหนต่างหาก
เรายังคงถกเถียงกันเรื่องเดิมๆ
ผมไม่เบื่อที่จะแลกเปลี่ยนทรรศนะในเรื่องแบบนี้หรอก
เพียงแต่ผมคิดว่าเรากำลังเดินทางมาถึง
จุดที่เรียกว่า ฟางเส้นสุดท้าย ของทรรศนะที่แตกต่าง
เพราะอีกฝั่งเริ่มที่จะใช้กำลังตัดสินปัญหา