ทบทวน 01 - กิเลส
เขา(คนเขียนหนังสือ มั้ง)บอกว่า
กิเลสหยาบๆ นั้นถูกแบ่งออกเป็น 10 ประการ
๑. ความมักมากในการบริโภค
๒. ความมักมากในการพูดจา
๓. ความโกรธ
๔. ความอิจฉา
๕. ความตระหนี่
๖. ความหลงอำนาจ
๗. ความหลงโลก
๘. ความหยิ่งยโส
๙. ความลำพอง
๑๐. ความโอ้อวด
ข้าพเจ้าก็เริ่มมานั่งทบทวนตัวเอง
ว่ากิเลสของฉันมันหนามันบางในข้อไหน
- ความมักมากในการบริโภค -
ข้อนี้เป็นปัญหาบ้างในบางโอกาส
เดือนถือศีลอดก็ทำให้กิเลสนี้บรรเทา
หรือเบาบางลงไปได้ระดับหนึ่ง
แต่สำหรับเดือนอื่นๆ ก็จะมักมากบ้าง
โดยเฉพาะเวลาไปกินบุฟเฟ่ต์
ถ้าเราตีความคำว่าบริโภคให้เลยเถิดไปกว่าการกิน
กิเลสข้อนี้จึงไม่ค่อยสร้างปัญหากับข้าพเจ้ามากนัก
- ความมักมากในการพูดจา -
กิเลสข้อนี้ของข้าพเจ้าหนามากๆ
เพราะข้าพเจ้าช่างขยันพูดเสียจริงๆ
พูดไปเรื่อย วิจารณ์ไปเรื่อย
และก็ในทางกลับกัน เมื่อข้าพเจ้าไปอยากจะพูด
ข้าพเจ้าก็ทำตัวราวกับว่าไม่เข้าใจภาษามนุษย์ซะงั้น
กิเลสข้อนี้จำเป็นต้องได้รับการขัดเกลาโดยด่วน
- ความโกรธ -
ข้าพเจ้าอารมณ์ดี เป็นส่วนใหญ่
ไม่ค่อยถือโทษโกรธใครนาน
อย่างมากก็ไม่เกินสามวัน
จะมียกเว้นบ้าง ก็เป็นบางคน
อิอิอิ
- ความอิจฉา -
ตอนนี้ก็คงมีเรื่องอิจฉาชาวบ้านเขาเรื่องเดียวแหละ
ทำไม ! เขาจึงได้แต่งงานกันฟะ
พระเจ้า ลืมผมหรือเปล่า !!!
ส่วนเรื่องอื่น ม่ายค่อยมี
- ความตระนี่ -
ถ้าข้อนี้จำกัดความในเรื่องของน้ำใจ
กิเลสข้อนี้ของข้าพเจ้าก็น่าจะบางๆ
แต่ถ้ามันหมายรวมถึงการไม่รู้จักบริหารการเงินด้วย
กิเลสของข้าพเจ้าก็หนาแบบกลางๆ
- ความหลงอำนาจ -
ไม่มีอำนาจให้หลง
ถือว่าเป็นโชคดีไม๊นะ
- ความหลงโลก -
อันนี้ไม่ค่อยเข้าใจความหมายมากนัก
ถ้าหมายถึงการสนใจแต่วัตถุ
กิเลสของข้าพเจ้าก็ไม่ค่อยหนา
แต่ถ้าหมายถึงการพยายามหาที่เที่ยว
อันนี้ข้าพเจ้าคงตกในกิเลสนี้อย่างหนัก
- ความหยิ่งยโส ความลำพอง และ ความโอ้อวด -
ความลำพอง คือ ชื่นชมในสิ่งใดสิ่งหนึ่งที่ตนมี
ความโอ้อวด คือ จะนำสิ่งที่ตนมีอยู่นั้นออกมาแสดงให้คนอื่นเห็น
ความยโส คือ คิดว่าตนเองมีอะไรดีกว่าหรือเหนือกว่าคนอื่น
สามข้อนี้ ต้องพยายามขัดเกลาตัวเองเยอะๆ