
เมืองลี่เจียงในวันที่มีฝน

ลานกลางเมืองยามค่ำคืน

เริ่มต้นขี่ม้าไปหาภูเขามังกรหยก

ลานที่เห็นภูเขาหิมะมังกรหยก


กำลังเจรจาเพื่อจะไปเหยียบหิมะ


ภูเขาหิมะมังกรหยก



ถ่ายรูปอย่างสนุกสนาน
- - - - - - - - -
ก่อนเข้านอนที่เมืองต่าลี่
พวกเราสรุปโปรแกรมคร่าวๆของวันรุ่งขึ้นดังนี้
09.20 น. ขึ้นรถไปลี่เจียง
12.00 น. ถึงลี่เจียง นั่งรถเมล์ไปเมืองเก่าที่เรียกว่า ต้าหยัน หาที่พัก
13.00 น. เที่ยวสระมังกรดำ หรือนั่งรถเมลล์สาย 6 ไปหมู่บ้านไป๋ซา
แต่เหตุการณ์จริงที่เกิดขึ้นคือ
07.00 น. ตื่นนอน จัดกระเป๋า
08.00 น. ออกไปเดินเล่น
09.00 น. กระหืดกระหอบกลับมาที่พัก
09.30 น. รถออก
11.00 น. รถแวะพัก
11.30 น. รถออกเดินทางอีกครั้ง
13.00 น. ถึงสถาณนีรถบัสที่ลี่เจียง นั่งรถสาย 11 เข้าเมือง ฝนตกเลยแวะร้านอาหาร
14.00 น. ตระเวณหาที่พัก
15.00 น. จะไปสระมังกรดำ แต่เสียดายค่าเข้า เลยถอย
บุคลิกอย่างหนึ่งของการท่องเที่ยวด้วยตัวเองคือ
โอกาสของการผิดแผนเป็นไปได้สูงมาก
ถึงขั้นที่บ้างครั้งเรียกว่าผิดพลาด
หลังจากล่าถอยจากสระมังกรดำ
พวกเราก็แยกย้ายกันเดินเล่นในเมือง
เมืองลี่เจียงยามค่ำคืนมีเสน่ห์ไม่แพ้กลางวัน
อากาศที่เย็นสบาย
สีสันของบรรดาโคมไฟจากร้านต่างๆ
ผู้คนที่เดินท่องเที่ยว
น่าประทับใจ
และรู้สึกดีใจที่ได้มีโอกาสไปสัมผัส
แน่นอนว่าก่อนเข้านอนคืนนั้น
พวกเราทำการนัดแนะโปรแกรมกันคร่าวๆ
โดยพวกเราตกลงเช่ารถกับทางเกสเฮ้าส์
เพื่อให้ไปส่งที่จุดขึ้นกระเช้าของภูเขาหิมะมังกรหยก
จริงๆความต้องการสั้นๆแค่นี้
ยิ่งเพื่อนพูดภาษาจีนได้
น่าจะใช้เวลาไม่เกินสิบนาที
สิบนาทีที่ว่าก็เพื่อต่อรองราคา
แต่
พวกเราใช้เวลาเกือบสองชั่วโมง
เพราะทางเจ้าของเกสเฮ้าส์พยายามนำเสนออะไรก็ไม่รู้
จนพวกเราต้องวาดรูปและย้ำ
พร้อมทั้งให้เขียนเป็นหลักฐานว่า
พวกเราต้องการแค่ไปส่งที่จุดขึ้นกระเช้าเท่านั้น
ไม่ต้องการการนั่งม้า ไม่ต้องการอะไรทั้งสิ้น
ถึงตอนเช้า
พวกเราก็คิดว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร
ยิ่งมั่นใจมากขึ้นเมื่อรถของพวกเรา
ขับไปเจอกับเพื่อนคนไทย
ที่เจอะเจอมาตลอดทางบนรถไฟ
ระหว่างทางเกิดรุ่งกินน้ำ
พวกเราสนุกสนานกับการถ่ายรูปไปเรื่อยๆ
จนรถมาถึงจุดที่ต้อง่ายเงินค่าเข้า
คนขับรถบอกกับพวกเราว่า จ่ายคนละ 262 หยวน
ตรงจุดนี้พวกเรายังไม่เห็นกระเช้า
ก็ยังนึกกันไปเรื่อยๆว่ากระเช้าคงต้องเดินขึ้นไปอีกหน่อย
ปรากฏว่าเมื่อจ่ายตังค์
ถูกจับให้นั่งม้า
แล้วก็นั่งไปเรื่อยๆ
เรื่อยๆ เรื่อยๆ
จนไปสุดทางเกือบเที่ยง
และพวกเราก็เพิ่งแน่ใจว่า
นี่ไม่ใช่จุดที่เราจะไปเหยียบหิมะ
พวกเราถูกพามาผิดที่
ด้วยการพูดจาไม่เยอะ
พวกเราพูดสั้นๆ ว่ากลับ
เราจะไปขึ้นกระเช้า
พวกเราจึงเป็นนักท่องเที่ยวชุดแรกของวันนี้
ที่ขึ้นเป็นชุดแรก และกลับลงมาอย่างรวดเร็ว
แล้วเราก็กลับลงมาเจอคนขับรถที่รออยู่ด้านล่าง
พวกเราก็พูดสั้น ปู้ตุ้ย พร้อมกับทำหน้าบึ่งๆ
แล้วก็บอกให้พาไปจุดที่ขึ้นกระเช้า
เจ้าของรถก็ต้องพาไปแบบจำใจเล็กน้อย
เมื่อไปถึงจุดที่ต้องจ่ายค่าตั๋ว
คนขับรถลงไปจัดการ
แล้วกลับมาบอกว่า
วันนี้ขึ้นไม่ได้ ลมแรง
พวกเราไม่เชื่ออีกต่อไป
จึงจัดการไปซื้อตั๋วเอง
แล้วก็เข้าไปรอคิวขึ้นกระเช้า
ระหว่างรอก็เจอกลุ่มคนไทยอีกลุ่ม
จึงแลกเปลี่ยนเรื่องเล่ากันเล็กน้อย
ไม่รู้ว่าเป็นโชคดีหรือโชคร้าย
การที่เรามาถึงจุดขึ้นกระเช้าเย็น
จึงไม่ต้องรอคิวขึ้นกระเช้านาน
แต่เราก็มีเวลาอยู่บนภูเขาหิมะมังกรหยกน้อยลง
ยอมรับว่าตื่นเต้นกับการที่จะได้เหยียบหิมะเป็นครั้งแรก
เราใช้เวลาถ่ายรูป นั่งเล่น
จนเจ้าหน้าที่ข้างบนต้องไล่ให้กลับลงมา
เพราะหมดเวลาแล้ว
กลับลงมาถึงข้างล่าง
ก็ไม่มีรถกลับเข้าเมือง
เพราะเจ้ารถเกสเฮ้าส์ต้องไปรับคนที่สนามบิน
จึงขอแยกตัวไปตั้งแต่ต้นแล้ว
พวกเราหาวิธีการต่างๆเพื่อจะเข้าเมืองให้ได้
โชคดีที่มีนักท่องเที่ยวกลุ่มอื่นปรสบชะตากรรมเดียวกัน
จึงมีพรรคพวกสำหรับการตามหารถเพื่อเข้าเมือง
จริงๆ จะมีรถเมลล์จากจุดขึ้นกระเช้าเพื่อเข้าเมือง
แต่เนื่องจากเวลาที่พวกเราลงมานั้นมันเย็นมากแล้ว
รถเมลล์จึงหมดแล้ว
ในที่สุดด้วยความช่วยเหลือกันทุกฝ่าย
พวกเราก็หารถกลับมาในเมืองเก่าลี่เจียงจนได้
วันนี้ก็ถือเป็นอีกวันหนึ่ง
ที่ทุกอย่างผิดไปจากแผนโดยสิ้นเชิง
โดยต้องเสียค่าผิดพลาดคนละ 262 หยวน
ตกเป็นเงินไทยก็ประมาณ 1300 บาท
รวมห้าคนก็ 6000 กว่าบาท ก็เสียดายอยู่เหมือนกัน
แต่ก็ถือเป็นประสบการณ์สนุกๆของการท่องเที่ยว