ห้วยแม่ขมิ้น

วันศุกร์
วุ่นวายกับการส่งงานหลายๆ ชิ้น
เพราะไม่อยากให้งานคั่งค้าง
ห้าโมงรีบออกจากที่ทำงาน
แวะเอากระเป๋าที่ห้อง
แต่เห็นว่ายังพอมีเวลาเหลือ
ก็เลยอาบน้ำ อย่างสบายใจ
ไปถึงที่นัดหมาย
ปรากฏว่าสมาชิกคนอื่นมาถึงกันหมดแล้ว
และก็มาถึงกันตั้งนานแล้วด้วย
ก็ยิ้มเขินๆ
ยอมรับความผิด
อันนิดหน่อย
เราออกจาก กรุงเทพ
แวะรับรุ่นพี่อีกคนที่วิทยาลัยพ่อเปิ่น
เมื่อสมาชิกครบทั้งสิบ
เราก็แวะทานอาหารค่ำกันแถวๆ กำแพงแสน
แล้วก็มุ่งตรงไปนอนที่อุทยานแห่งชาติเอราวัณ
เข้าที่พักประมาณเที่ยงคืน
เป็นบ้านพักของอุทยาน
ใหญ่โตอลังการมากๆ
ประกอบด้วยห้องนอนแอร์สองห้อง
และห้องนอนพัดลมขนาดหกเตียงอีกหนึ่งห้อง
มีพื้นที่ส่วนกลาง มีห้องครัว ไมโครเวฟ ตู้เย็น
แถมมีน้ำตกส่วนตัว สามารถนอนฟังเสียงน้ำตกได้ทั้งคืน
สงสัยว่า
อุทยานจะทำบ้านพักอลังการแบบนี้ใว้ทำไม
แหะ แหะ แหะ
ก็เอาใว้ให้คนแบบเรามาขอพักฟรีไง
อันนี้ตอบแบบเล่นๆ
เพราะมันไม่ฟรีหรอก


วันเสาร์
ตื่นมาตอนเช้า
สมาชิกส่วนใหญ่ก็ลุกมาขยับแข้งขยับขา
คว้ากล้องถ่ายรูปมาทำงาน
เดินถ่ายรูปรอบๆบ้าน
แล้วก็ออกไปทานอาหารเช้า
ป้าที่ร้านอาหารกำลังเล่าละคร
เรื่อง มังกรซ่อนพยัคย์ ตอนจบ
เราก็นั่งฟังเพราะอยากรู้
แต่จนกระทั่งทานข้าวเสร็จ ยืนอ้อยอิ่งอีกสักพัก
แกก็ยังเล่าไม่จบ เพราะแกเล่นย้อนความไปถึงต้นเรื่อง
เราเลยไม่รู้กันเลยว่า ตกลง กิ้งกื้อ ทั้งหลาย
มีจุดจบตรงไหน เพราะทั้งเรื่องไม่มีมังกร ไม่มีพยัคย์สักตัว
หุหุหุ ออกนอกเรื่องอีกแล้ว
ทานข้าวเสร็จ เราก็ไปทำหน้าที่กันต่อ
ก็ไปถ่ายรูปที่น้ำตกเอราวัณ
ไปถึงเช้าเกินไป
เจ้าหน้าที่ยังยืนเคารพธงชาติ
และสวดมนต์หน้าเสาธงกันอยู่
อันนี้ไม่ใช่สำนวน เจ้าหน้าที่เขาสวดมนต์กันจริงๆ
เอราวัณเป็นน้ำตกที่สวย
ถ้าคนไม่เยอะเกินไป
เราก็เลยถ่ายรูปกันสนุกสนาน
เพราะคนยังไม่เยอะ


ข้าพเจ้าถ่ายได้เพียงชั้นสาม
ก็เกิดเหตุอันไม่ควร
เจ้ากล้องโบราณที่ข้าพเจ้ามีอยู่ตัวเดียว
เกิดอาการอยากเล่นน้ำตกขึ้นมาอย่างฉับพลัน
ก็เลยกระโดดลงไปแช่น้ำซะงั้น
ไม่ได้กระทำแบบเอาเท้าแหย่ๆนะ
เจ้ากล้องมันดำลงไปนอนให้โคลนเลยแหละ
สงสัยจะร้อนจัด หรือไม่ก็โมโหใครก็ไม่รู้
ช่วงเวลาที่เหลือ
ข้าพเจ้าก็ต้องเล่นน้ำ
เพราะเลือกอะไรไม่ได้แล้วนิ
ระหว่างเดินจากชั้นสามไปชั้นสี่
มีผู้ชายคนหนึ่งเข้ามาทัก
เขาคนนี้กำลังอุ้มลูกเล็กๆ
พกภรรยาและแม่ยายมาด้วย
เขาทักว่า
คุณเรียนปริญญาตรีที่ ... ใช่ไหม
ข้าพเจ้าตอบใช่
คุณเรียนคณะ ... ใช่ไหม
ข้าพเจ้าตอบใช่
ผมเรียนรุ่นเดียวกับคุณ
ผมเรียนภาควิชา ...
เอาละสิ
ถึงตอนนี้ข้าพเจ้าก็เอ๋อเลย
ก็ต้องยอมรับแบบหน้าซื่อๆว่า
เอ่อ ขอโทษนะครับ ผมจำไม่ได้จริงๆ
แล้วข้าพเจ้าก็รีบเดินหนีมาเลย
แทนที่จะถามชื่อเสียงเรียงนามเขาสักหน่อย
หรือไม่ก็ยื่นนามบ่งนามบัตรให้กัน จะได้รู้จักไผเป็นไผ
(ข้าพเจ้าเสร่อพกนามบัตรไปด้วย งงไม๊ละ)
จริงๆคือ อึ้งนะ
มีคนในคณะจำตรูได้ด้วยเหรอฟะเนี่ย
ยิ่งคนละภาคเนี่ย เป็นไปได้ไง
ประหลาด ไม่อยากเชื่อ
แต่ช่างมัน
เดี่ยวกลับไปเปิดหนังสือรุ่นดูก็ได้
อยากรู้ว่ามันเป็นใคร
จำตรูได้ เจ๋งจริงๆ เพ่
ออกทะเลไปอีกแล้ว
กลับเข้ามาที่เอราวัณ
คณะเขาเราเดินไปกันไปจนถึงชั้นเจ็ด
แล้วก็แวะเล่นน้ำกันมาเรื่อยๆ
พร้อมทั้งมีคนเดินสวนทางขึ้นไปเรื่อยๆ
เรากลับออกมาจากน้ำตกประมาณเที่ยง
สวนกับคณะคนรู้จักอีกสองกลุ่ม
กลุ่มแรกประมาณห้าหกคน
ทีมนี้มาถ่ายรูปแบบจริงจัง และเป็นมืออาชีพ
คือมาทำงานงานจริงๆ ม่ายช่ายทำงานอดิเรก
กลุ่มที่สองที่เจอกันก่อนออกก็ประมาณยี่สิบคน
ก็ขนกันมาสองรถตู้ ทีมนี้เป็นการจัดทริปมาถ่ายรูปโดยเฉพาะ
มีทั้งโปรเก่า โปรใหม่ แฟนโปร อนาคตโปร
และอนาคตแฟนโปร มากันตรึม
กลับมาถึงที่พัก
(จริงๆ ก็อยู่ใกล้ๆ เขียนให้ดูไกลไปงั้นแหละ)
เก็บข้าวเก็บของ
อาบน้ำอาบท่า
แล้วก็มุ่งสู่ห้วยแม่ขมิ้น
การไปห้วยแม่ขมิ้นฟังดูยาก แต่จริงๆไม่ยากมาก
เริ่มจากออกจากเอราวัณ
ขับไปทางศรีสวัสดิ์
แต่แวะลงแพที่หนึ่ง
ข้ามน้ำครั้งที่หนึ่ง
ราคาคันละหกสิบบาท
อาจจะเสียเวลาเล็กน้อย
เพราะต้องรอให้แพเต็ม
ระยะเวลานั่งแพไม่นาน


พ้นจากแพครั้งที่หนึ่ง
ก็ขับรถไปอีกระยะ
ก็จะถึงแพครั้งที่สอง
อันนี้จะแพงกว่า
เป็นหนึ่งร้อยหกสิบบาท
ก็ต้องรอให้แพเต็มเหมือนกัน
ขั้นนี้จะนั่งแพนานสักนิด
แต่วิวก็สวย ดูไปได้เรื่อยๆ
หรือจะถือโอกาสหลับ ก็ไม่ผิดกติกา



ขึ้นจากแพก็ขับรถไปอีกระยะหนึ่ง
ถ้าฝนตกถนนช่วงนี้ก็จะลำบากมาก
แต่วันนี้ฝนยังไม่ตก จึงลำบากแค่ฝุ่นๆ
ฝ่าถนนไปได้ก็จะถึงที่ทำการอุทยาน
อันดูเจริญกว่าที่คิด แล้วก็โดนเก็บค่าเข้าอุทยาน
ที่เดือนหน้าจะปรับราคาเป็น สี่สิบบาทต่อคน ทั่วประเทศ
แล้วเราก็ได้ที่พักอันใหญ่โต อลังการ ตามเคย
ที่พักประกอบด้วยห้องนอนสี่ห้อง
แต่ละห้องประกอบด้วยเตียงเดี่ยวสามเตียง
มีระเบียงนั่งกินลม(และกินอาหาร)ชมวิว
มีพื้นที่ให้พี่ๆ เขานั่งทำอาหารอย่างสะดวกสบาย
จริงๆ เขาเขียนติดใว้ว่า ห้ามทำอาหาร
แต่บ้านพักใหญ่ขนาดนี้ ไม่รู้จะห้ามทำไม
อาหารมื้อนี้ของเรา อลังการมากๆ
กินกันจนท้องจะแตก
- อาจจะเป็นข้าพเจ้าคนเดียวก็เป็นได้
กินเสร็จก็นอนเลย
เพราะว่าอิ่มมาก
ใครจะนั่งสังสรรค์กันยังไง
ข้าพเจ้าไม่สน
ชอบนอน
ทัวร์ กินๆ นอนๆ ชอบ






วันอาทิตย์
นอนเป็นคนแรก
ตื่นเป็นคนสุดท้าย
เขาตื่นไปดูพระอาทิตย์กัน
แต่ข้าพเจ้าตื่นขึ้นมาก็กิน
เสร็จแล้วก็ออกไปถ่ายรูปเล็กน้อย
เพราะตั้งแต่มาถึงยังไม่เห็นน้ำตกเลย
และแล้วก็ได้รู้จักกับน้ำตกห้วยแม่ขมิ้น
ชั้นแรกที่เสนอหน้าให้เห็นคือ ชั้นสี่
ใครๆ ก็บอกว่าชั้นนี้สวยสุด
แต่ข้าพเจ้าไม่ได้ถ่ายรูปเลย
ยังงงเหมือนกันว่า ทำไมตรูไม่ถ่าย
ปล. ตัดกลับไปเรื่องกล้องข้าพเจ้าสักหน่อย
หลังจากเจ้ากล้องโบราณมันดำน้ำแล้ว
ข้าพเจ้าก็คิดว่า คงต้องลาขาดจากกัน
แต่ก็อลงเอามันมาตากแดด ตากมันตั้งแต่ออกจากเอราวัณ
ตากมาเรื่อยๆ จนคิดว่ามันคงจะแห้ง
เพราะบรรดาหมอกน้ำที่มันเต็มหน้าจอ
เริ่มหายไปจนหมด แล้วข้าพเจ้าก็ลองเปิดใช้ดู
ปรากฏว่ามันใช้ได้ ด้วยประการฉะนี้แล
เข้าเรื่องต่อ
ข้าพเจ้าเดินจากชั้นสี่
ลงไปที่ชั้นสาม สอง หนึ่ง
ทำเป็นเล็งๆ ไปงั้นแหละ
ไม่ได้ถ่ายรูปเลย เพราะมืออาชีพยืนกันตรึม
ต้องเดินไปหลบๆ หาที่ส่วนตัว อายเขานะ
ดูจากรูปที่ถ่ายมาก็แล้วกัน
ประมาณว่าแอบๆ ถ่ายมานะ
กลับขึ้นมาที่ชั้นสี่
แล้วก็มาทานข้าวเช้า
ที่พี่ๆ เขาเตรียมใว้เรียบร้อย
เป็นผัดไทย สลัดไก่เทอริยากิ



อิ่มแล้วก็นอนเล่น
นิดหน่อย พอเป็นพิธี
ก่อนที่จะออกไปถ่ายรูปกันต่อ
ทีนี้เราเดินขึ้นไปที่ชั้น ห้า หก เจ็ด
เจ็ดกว่า เจ็ดกว่าๆ เจ็ดกว่า กว่า กว่า
คือว่า เขาไม่ได้ตั้งชื่อชั้น ก็เลยไม่รู้จะเรียกอะไร
เดินไปถ่ายรูปไป
ถ่ายทิ้ง ถ่ายขว้างมันไปเรื่อย
ก็เลือกๆ มาปลากรอบได้ประมาณนี้แหละ
ท้ายที่สุดเราก็เดินกลับลงมาเล่นน้ำที่ชั้นสอง
น้ำเย็นสบาย ไหลแรง เงียบ มีแต่พวกเรา
ชอบจัง
เล่นน้ำกันพอประมาณ
ก็ออกมาทานอาหารเที่ยง
นอนพักกันอีกเล็กน้อย
แล้วก็เก็บข้าวของ
มุ่งไปทานอาหารเย็นที่ตัวเมืองกาญจน์




ทานอาหารเสร็จก็ไม่ส่งรุ่นพี่ที่วิทยาลัยพ่อเปิ่น
มุ่งตรง (เลี้ยวบ้าง ตามถนน) กลับกทม
ถึงสถานีรถไฟฟ้าสนามเป้า
ประมาณสี่ทุ่มกว่า
จบไปอีกหนึ่งทริป
ชอบ กินๆ นอนๆ แล้วก็เล่นน้ำ
อ้อ ถ่ายรูปด้วย
