ส วั ส ดี ป ร ะ เ ท ศ ไ ท ย
5 เมษายน
BKK - KTM ใช้เวลาบินประมาณ 3 ชั่วโมง
ไปถึงก็ต้องรีบออกจาก KTM ให้เร็วที่สุด
เพราะจะมีการประท้วงหยุดทุกอย่างสี่วัน
6 เมษายน
ตอนเช้าหา taxi ไปสนามบินยากมาก
เมืองเต็มไปด้วยทหาร ตั้งใจว่าจะเดินไปสนามบิน ระยะทาง 8 กิโลเมตร
แต่ก็หา taxi ในราคาแพงกว่าเดิม 6 เท่า จนได้
บินออกจาก KTM - PKR ใช้เวลาแค่ 15 นาที ราคา 60 ดอลล์
เป็นค่าใช้จ่ายที่ไม่ได้คาดการณ์
ถึง PKR ทั้งเมืองก็มีแต่ทหาร taxi ก็โขกราคาเกินกว่าเดิมหลายเท่ามาก
7 เมษายน
เดินจากโรงแรมไปสนามบินระยะทางประมาณ 3 กิโลเมตร
นั่งรอเครื่องบิน PKR - JOM ตั้งแต่เจ็ดโมง ได้เที่ยวที่ 4
พอจะถึงเวลาเช็คอินตอนใกล้เที่ยง
พนักงานก็แจ้งว่าเที่ยวบินถูกยกเลิก
8 เมษายน
เดินจากโรงแรมไปสนามบิน
นั่งรอเครื่องบิน PKR - JOM ตั้งแต่เจ็ดโมง ได้เที่ยวที่ 4
เริ่มโวยวายกับสายการบิน ที่ให้ไอ้ฝรั่งไปก่อน
ทั้งๆที่เราควรจะไปสิทธิ์ไปก่อนเพราะเครื่องเมื่อวานถูกยกเลิก
พอจะถึงเวลาเช็คอินตอนใกล้เที่ยง
พนักงานก็แจ้งว่าเที่ยวบินถูกยกเลิก
9 เมษายน
เดินจากโรงแรมไปสนามบิน
นั่งรอเครื่องบิน PKR - JOM ตั้งแต่ตีห้า ได้เที่ยวแรก
เครื่องได้บินสมใจ ถึง จอมสอม 8 โมง
เริ่มเดินด้วยการแบกเป้หนัก 10 กิโล
เป้าหมายคือ มุกตินาถ แต่จนถึงค่ำ ก็ไปได้แค่จาร์กอต
วันนี้เดินทั้งสินเกือบ 10 ชั่วโมง จากความสูง 2800 เมตร ถึง 3800 เมตร
10 เมษายน
เดินขึ้นไปมุกตินาถ เดินฝ่าหิมะ
เส้นทางสวยมาก สมาชิกไปได้แค่หนึ่งเดียว
ที่เหลือแพ้ความสูง ไปไม่ไหว
ประมาณ 11 โมงเริ่มเดินลงกลับมาข้างล่าง
ถึง marpha ที่หมายประมาณหนึ่งทุ่ม
ตลอดทางลมแรงมาก ฝนตกตลอดทาง
แถมเป็นลูกเห็บ แสบหน้ามากๆ
วันนี้ก็เดินไปกว่า 10 ชั่วโมง
เริ่มเป็นวัวเป็นควาย เดินกับเดิน
11 เมษายน
เดินเล่นในเมือง marpha เมืองแสนสวย
เป็นหมู่บ้านธิเบต ที่เต็มไปด้วยต้นแอลเปิ้ลที่กำลังให้ดอก
เริ่มเดินแปดโมงเป้าหมายคือ Ghasa
แต่เราไปกันได้แค่ Kalopani ก็มืดเสียก่อน
เส้นทางยาวไกล จาก marpha ถึง kalopani
เริ่มมีต้นสนภูเขาให้เห็น แตกต่างจากช่วงแรกที่เป็นภูเขาหิมะ
12 เมษายน
เราได้ยินข่าวว่าการประท้วงยิ่งรุ่นแรงขึ้น
จึงต้องเร่งเดินทำเวลามากขึ้น
จาก Kalopani เราก็เดินไล่ควายจนถึง Tatoponi ค่ำมืด
เราพักเหนื่อยด้วยการเอาเท้าแช่น้ำพุร้อน
13 เมษายน
จากเมือง Tatopani ทีระดับความสูงที่ 1200 เมตร
เรากำลังจะปืนขึ้นไปที่ระดับความสูง 3000 เมตร ที่เมือง Geropani
ตลอดเส้นทางเต็มไปด้วยนาขันบันได
และดงกุหลาบพันปี พื้นจึงโรยไปด้วยดอกกุหลาบ
ทั้งสีแดงและสีชมพู สวยงามและโรแมนติคมากๆ
แต่ควายอย่างเรา ไม่มีเวลาชื่นชม
เราถึงที่หมายเร็วกว่าที่คิด
จึงมีเวลาเดินขึ้นไปดูพระอาทิตย์ตกที่ Poonhill
กลางคืนเพื่อนๆ ไปดูการเต้นรำแบบพื้นเมืองภาคต่างๆ
เป็นงานส่งท้ายปีเก่าของที่นี้ แต่ข้าพเจ้าเลือกนอน
14 เมษายน วันปีใหม่ของชาวเนปาล
นักท่องเที่ยวทุกชาติตื่นตีสี
เดินขึ้นยอด Poonhill ด้วยไฟฉาย
วันนี้บนยอดคนล้านแปด ไม่ได้โร้ผู้คนเหมือนเมื่อวาน
จิบชิคโกแลตร้อน นั่งชมวิว ทำตัวติสท์ๆ
เสร็จแล้วก็รีบลงมาจัดของ
เพราะต้องเดินเป็นควายไปยังจุดจบของเส้นทาง
ซึ่งปกติเขาเดินกันสองวัน แต่เราต้องเดินวันเดียว
ถึงที่หมาย Beretanti เกือบห้าโมงเย็น
15 เมษายน
ปกติที่เมืองนี้ก็จะเป็นจุดจบการเดินเทรคกิ้ง
เพราะถึงทางถนนแล้ว สามารถนั่งรถเข้า PKR ได้เลย
แต่เขายังประท้วงหยุดงาน(และทุกอย่าง)กันอยู่
เราจึงต้องเดินกลับ PKR ระยะทางประมาณ 40 กิโลเมตร
เริ่มเดินประมาณ 7 โมงครึ่ง
เดินขึ้นเขา ลงเขา เดินในป่า
เดินตามถนน ถึงที่พักประมาณสองทุ่ม
เดินกันจนเท้าพอง ขาเดี้ยง เพราะต้องแบกของด้วย
ที่เมืองนี้เราเจอคนไทยหลายคน
ทุกคนพยายามจะกลับบ้านให้เร็วที่สุด
เพราะสถานการณ์จะเลวร้ายลงเรื่อยๆ
16 เมษายน
เราต้องนั่งเครื่องบินจาก PKR - KTM เวลาประมาณ 11 โมง
ด้วยราคาที่ถูกโขกขึ้นไปถึง 76 ดอลล์ (ขามา 60 ดอลล์ จากราคาปกติ 45 ดอลล์)
สนามบินเต็มไปด้วยนั่งท่องเที่ยว ที่กำลังออกจากประเทศนี้
เราถึง KTM ประมาณเที่ยงกว่า รีบเอากระเป๋าแล้ววิ่งไปเช็คอินการบินไทย
ขอเลื่อนตั๋วกลับเร็วกว่ากำหนดหนึ่งวัน ใจหนึ่งก็เสียดาย
แต่อีกใจก็กลัว เพราะข่าวว่าวันพรุ่งนี้นักบินจะหยุดงาน ปิดสนามบิน
เพื่อความมั่นใจ พวกเราทั้งหมดจึงของกลับทันที
พอได้ขึ้นนั่งบนเครื่องการบินไทย
เราก็รู้สึกว่าได้กลับบ้านแล้ว
เครื่องบินประเทศเรามันเหลืออาณานิคมนอกประเทศยังไงยังงั้น
17 เมษายน
ตื่นตอนเช้า โทรไปหารุ่นพี่
เขาบอกว่าวันนี้เป็นวันทำงาน
เปลี่ยนไปหยุดวันพุธแทน
ก็เลยมานั่งเล่นที่ทำงาน
แต่ไม่ค่อยมีคน เลยนั่งเล่น
เหมือนพักเหนื่อยจากทริป อึด นรก
ปล. นี่คือหนังตัวอย่าง
ของจริงพร้อมรูปจะตามมาอย่างรวดเร็ว
รับรองความมันส์
5 Comments:
ยินดีที่ได้เห็นตัวหนังสือ
ห่วงอยู่นะไอ้น้อง
ตั้งกะได้ข่าวว่าเค้าเคอร์ฟิว
ดูในภาพข่าวก็เห็นแต่ทหารกับปืนเต็มเมืองไปหมด
โทรฯ ไปอยู่สองสามหน เผื่อว่าจะติดต่อได้บ้าง
พอไม่ได้จริงๆ ก็เลยทำใจ ว่าถ้าได้กลับมาก็คงได้เจอกัน 55555
ส่วนเราเอง ไม่ได้ไปไหนเลย
พักร้อนยาวตั้งแต่วันที่ 6 ที่หยุด จนวันนี้ยังไม่ได้ไปทำงาน
จากที่วางแผนว่าจะไปลาวใต้
แต่ไปนอนขึ้นเขียงให้หมอเจี๋ยนที่โรงบาลซะก่อน
เลยล้มไปซะงั้น
แต่คนอื่นๆ เค้าก็ไปกันตามปกติ ขับรถกันไป
เป็นครั้งแรกในรอบสิบปีได้มั้งที่อยู่บ้านเฉยๆ นานเกินหนึ่งอาทิตย์
ออกนอกบ้านยังไม่กล้า
กลัวโดนน้ำ(หมอห้าม-ไม่ได้กลัวน้ำ)
การอยู่บ้านโดยไม่ต้องทำอะไรเลย
ด้วยมีอภิสิทธิ์ว่าป่วย
แค่เดินไปเดินมา นอนเปลใต้ต้นขนุน อ่านหนังสือทุกเล่มที่ได้มาจากงานหนังสือ เบื่อๆ ก็มานอนนอน
ดูซีดี เรื่องที่ชอบซ้ำไปซ้ำมา สลับกับการ
เดินไปคุยกับแม่ ไปให้แม่ถามว่าหายเจ็บหรือยัง
เราว่า แม่เรามีความสุขนะนี่
เป็นอีกหนึ่งช่วงเวลาที่ดีเหมือนกัน
จากที่เซ็งมากๆ กับการพักร้อนนานๆ แต่ไม่ได้ไปไหน
กลับเป็นการเดินทางในรัศมีไม่เกินห้าสิบตารางวารอบบ้าน ใต้ต้นไม้ รอบเตียงแม่ ที่ค้นพบอะไรๆ ใหม่ๆ มากมายทีเดียว
ปล. จะรอดูรูปนะ
กลับมาแล้วเหรอคะ
อืมม์ รอดูรูปอยู่เหมือนกัน
:D
มีวันนึงฝันถึงเรื่องการประท้วงที่เนปาลอะ ดูข่าวติดตามตลอด ยังนึกอยู่ว่าพี่จะโดนลูกหลงอ๊ะเปล่า
รอดูภาพนะ น่าอิจฉาจริงๆ ชาตินี้ไม่รู้วาจะได้ไปอ๊ะเปล่า ฝนแบบอยู่ที่สูงๆ มากๆ หูจะอื้อ วี้ดๆๆๆ ปวดหัว ตาลาย ทุกทีอะ
กลับมาซะทีนะคะ คุณพี่
เล่นเน็ตฟรีทุกวัน แต่ไม่มีไรให้ทำ
โดยเฉพาะช่วงนี้ เข้ามาบล็อกคุณพี่ทีไรก็เจอแต่หน้าเดิมๆ
เบื่อคนพันธุ์เดียวกันแล้วค่ะ !
จะเอาเผ่าอื่นบ้างงงงงง
พี่เอท่าทางจะไม่ได้มีความสุขกับอะไรธรรมดาๆ แบบนี้มานานเนอะ ปกติเคยเขียนอะไรยาวๆ ที่ไหน ยินดีด้วยนะคะคุณพี่เอใหญ่
ขอบคุณมาก ๆ นะครับ
Post a Comment
<< Home