Thursday, March 02, 2006

F E A R L E S S

นี่คือบันทึก เพื่อการบันทึกจริงๆ
เพราะฉะนั้น จะเปิดเผยข้อมูลหนังเท่าที่อยากบันทึก





เพิ่งไปดูหนังเรื่องนี้มา
หนังในโครงการ ดูหนังกันเป็นฝูง
ชอบ เหมือนอารมณ์เด็กมัธยมดี
แถมเป็นการเจอกันแบบเด็กมัธยม
ชวนกันชั่วโมงนั้น ก็ไปกันชั่วโมงนั้น
ไม่ต้องนัดล่วงหน้า สามอาทิตย์

จริงๆ สถาบันสอนภาษาจีนที่ข้าพเจ้าสังกัด
ก็ส่งบัตรมาให้ดูฟรี แต่ไม่ไป
เพราะคาดว่า ฟังไม่ออก
แล้วหนังจีนจะต้อง พากย์ไทย เท่านั้น
ไม่เช่นนั้น จะไม่ได้ อรรถรส


หนังเล่าประวัติชีวิตของฮั่ว หยวนเจี่ย
(ตามรายงานบอกว่า มีตัวตนจริงๆ)

ฮั่ว หยวนเจี่ย โตมาในครอบครัวจอมยุทธ
พ่อเป็นอาจารย์ มีลูกศิษย์ลูกหามากมาย
แต่ฮัว หยวนเจี่ย ก็ไม่ได้รับอนุญาติให้ฝึก
เหตุผลที่แม้ให้เขาคือ ร่างกายเขาไม่แข็งแรง
ส่วนเหตุผลของพ่อ ไม่มีคำพูดยืนยัน
แต่หนังก็ให้คำตอบที่คนดูอย่างข้าพเจ้ารู้สึกได้

ฮั่ว หยวนเจี่ย แอบฝึกยุทธด้วยตัวเอง
จนเมื่อเติบใหญ่ก็เริ่มประลอง เพื่อความเป็นหนึ่ง
แม้บนเส้นทางแห่งความเป็นหนึ่งนั้น
มันอาจจะต้องแลกด้วยอะไรมากมาย
ฮั่ว หยวนเจี่ย ก็ยังมุ่งมั่นที่จะไปยืนตรงจุดนั่นให้จงได้
แม้ท้ายที่สุด เขาจะสมดั่งหวัง
แต่ก็กลับพบเพียงความว่างเปล่าที่รอเขาอยู่บนนั้น

หนังเหมือนจะจบส่วนแรกใว้ตรงนี้
ส่วนแรกนี้ เหมือนจะตั้งคำถาม
คำวิถีแห่งวีระบุรุษ ความหมายของชัยชนะ
และวิถีของการแข่งขัน เป้าหมายของชีวิต

ส่วนที่สองเริ่มต้นเมื่อ ฮั่ว หยวนเจี่ย ซัดเซพเนจร
ไปอยู่กับหมู่บ้านเล็กๆ ท่ามกลางขุนเขา
วิถีชีวิตแบบเรียบง่าย สมถะ ดูกลมกลืนกับฟ้าดิน
ทำให้เขาได้เรียนรู้วิถีใหม่ที่แตกต่างไปจากเดิม

ฉากหนึ่งที่ค่อนข้างจัดเจน
ถึงสิ่งที่หนังต้องการจะสื่อในช่วงที่สองนี้คือ
ฉากที่ชาวนาทุกคนที่กำลังปักกล้าอย่างตั้งใจ
ยืนขึ้นรับลมเย็นๆ ที่โชยมา พร้อมกับฟังดนตรีแห่งสายลม
ที่บรรเลงผ่านการกระทบกันของยอดไผ่
แม้จะดูตั้งใจจนเกินไป
แต่ก็เป็นความตั้งใจที่ไม่ได้ทำร้ายผู้ดูอย่างข้าพเจ้า

แถมความชอบส่วนตัวอีกอย่างคือ
บรรยากาศ วิว ทิวทัศน์ ของหนังในช่วงนี้สวยงาม
เพื่อนๆ ที่ไปดูด้วยกัน ถามไถ่กันว่า มันถ่ายที่ไหน
หากไม่ไกลเกินไป พวกเราไปยลกันเถอะ

ส่วนที่สามของหนัง
เป็นส่วนที่มีความเป็นอำนาจนิยมสูงที่สุด
หนังจับประเด็นตอนที่ประเทศจีนถูกรุกรานด้วยชาวต่างชาติ
ซึ่งการรุกรานนั้นมันกินนัยยะทางศักศรี
และวัฒนธรรมดั่งเดิมหลายอย่าง
หนึ่งในสัญญะนั้นคือ วิธีแห่งชาวยุทธ แบบดั่งเดิม
ถูกดูหมิ่นให้ชาวจีน เป็นขี้โรคแห่งเอเชีย
แล้วท่านพี่ ฮั่ว ก็ต้องเป็นผู้มากอบกู้ศักศรีนี้

เนื้อหารวมๆของหนังก็มีเท่านี้

ส่วนความเป็นหนังจีน แบบหนังบู้ นั้นก็ทำได้ดี
พูดกันแบบกลางๆคือ ต้มยำกุ้ง องค์บาก
กลายเป็นการแสดงของเด็กไปเลย

2 Comments:

At 11:28 PM, Anonymous Anonymous said...

อืมม์ เล่าซะอยากไปดู
วันนี้ไปดู The Constant gardener มาค่ะ
เศร้า และ หดหู่
แถมดนตรีก็โหยอีก

ชีวิตจริงก็งี้แหละ
โหดร้าย
เพื่อนบอก

แต่เราจะไม่ทำอะไรให้มันดีขึ้นเลยเหรอ

นั่นสิ ทำอะไรล่ะ

???

 
At 3:20 AM, Anonymous Anonymous said...

เล่าได้น่าดูมากค่ะคุณพี่

 

Post a Comment

<< Home