Thursday, February 23, 2006

CASA DE AREIA : The House of Sand



ภาพทะเลทรายสุดลูกหูลูกตา
ที่มุมหนึ่งของจอภาพ
กองคาราวานค่อยๆปรากฏขึ้น
กองคาราวานที่ดูเล็กราวขบวนแถวของมด

Aurea เดินทางมากับกองคาราวานนี้
เธอเดินทางมาพร้อมกับแม่ และลูกในท้อง
มาตามความปรารถนาในการสร้างดินแดนใหม่ของสามี
เธอรู้สึกว่าดินแดนนี้ไม่เหมาะแก่ลูกของเธอ
เธอเชื่อว่า มันไม่เหมาะแก่ใครเลยต่างหาก
เธออยากออกไปจากดินแดนแห่งนี้

แม่ของเธอพยายามติดสินบนลูกจ้างด้วยเงินทั้งหมดที่มี
เพื่อแลกกับการพาพวกเธอไปจากดินแดนนี้
พวกลูกจ้างก็จากไปจริงๆ แต่จากไปโดยปราศจากพวกเธอ
ด้วยความหุนหัน สามีของเธอก็เกิดอุบัติเหตุจนถึงตาย

แล้วบทละครแห่งการดิ้นรนออกจากดินแดนแห่งทะเลทราย
บทละครที่ถูกแสดงถึงสามชั่วอายุคนก็เริ่มต้น





บทภาพยนตร์เรื่องนี้ ได้รางวัลจากเทศกาล sundane
ผู้กำกับเล่าว่า โครงเรื่องของเรื่องนี้มาจากรูปถ่ายเพียงใบเดียว
รูปถ่ายของบ้านร้างที่จมอยู่ในทะเลทราย
รูปถ่ายที่ทำให้เขาจินตนาการไปถึงคนที่เคยใช้บ้านหลังนี้
และพัฒนามันขึ้นมาเป็นบทภาพยนตร์

บทเจรจาในหนังเรื่องนี้ มีน้อย
เพราะเป็นความตั้งใจของผู้กำกับและผู้เขียนบท
ที่ไม่ต้องการให้บทเจรจามาทำลายสิ่งที่เขากำลังจะสื่อ

ภาพทะเลทรายที่ปรากฏในภาพยนตร์
ผู้กำกับและตากล้องไม่อยากให้มองมันเป็นสวนสวรรค์
เขาอยากได้ความรู้สึกของความทุรกันดาร
เขาก็สามารถถ่ายจนรู้สึกได้ราวกับว่า ทะเลทราย เป็นตัวละครตัวหนึ่ง
ทีมงานเล่าว่า พวกเขาต้องเข้าไปดูสถานที่ถ่ายทำทุกฤดูตลอดทั้งปี
เพื่อที่จะให้ได้ภาพในแบบที่ต้องการ
แต่ถึงอย่างไร ภาพที่ปรากฏมันก็ยังสวยงาม ตรึงตาอยู่ดี

สำหรับการแสดงของตัวละครหลัก Fernanda Montenegro
และFernanda Torres ทั้งสองคน ถือว่ากลมกลืนมาก
คงด้วยเหตุผลที่ผู้กำกับบอกใว้ว่า เขาได้นักแสดงก่อนที่จะเขียนบท
เพราะฉะนั้นลักษณะ บุคลิกของตัวละครจึงถูกพัฒนามาจากนักแสดงทั้งสองคน
โดยเฉพาะ Fernanda Montenegro ที่แสดงทั้งสามชั่วอายุ
กับ บทแม่ของ Aurea ในช่วงต้น บท Aurea ตอนแก่ในช่วงกลาง
และบท ลูกสาวของ Aurea ในช่วงสุดท้าย ถือว่ายอดเยี่ยมมาก
ส่วน Fernanda Torres ซึ่งรับบทสองช่วงอายุ คือ
บทของ Aurea ในช่วงต้น และ บทลูกสาวของ Aurea ในช่วงกลาง
ก็ทำได้ดีไม่แพ้กัน

หากบุคลิกบางอย่างในวรรณกรรม
อย่าง หนึ่งร้อยปีแห่งความโดดเดี่ยว เพดโด พาราโม
จะทำให้เรารู้สึกถึงพลังของการเล่าเรื่องแบบอเมริกาใต้
ภาพยนตร์เรื่องนี้มีลักษณะก็คงจะมีพลังแบบเดียวกัน
พลังแบบที่ city of god เคยทำใว้
สำหรับเรื่องนี้ พลังการเล่าเรื่องแบบนั้น
จะทำให้เราตั้งคำถามกับชะตากรรมของตัวละคร
แล้วเกิดความคิดต่อเนื่องไปถึงไหนต่อไหน

บทสนทนาระหว่าง aurea กับลูกสาว
ในตอนท้ายเรื่องน่าจะเป็นการขมวดปม
และย้ำสารที่หนังเรื่องนี้ต้องการจะสื่อได้ดี


"ผู้ชายไปดวงจันทร์" ลูกสาวเอ่ย
"ผู้ชายไปดวงจันทร์" aurea ย้ำ
"เขาเจออะไรบนนั้น" aurea ถาม
"ไม่มี" ลูกสาวตอบ
"ไม่มี" aurea ย้ำ
"ไม่มีอะไรบนนั้น มีข่าวว่ามีแต่ทราย" ลูกสาวเล่า
"ทราย" aurea ย้ำ
"ทราย" ลูกสาวตอบ
แล้วทั้งสองก็ยิ้ม

0 Comments:

Post a Comment

<< Home