Wednesday, March 01, 2006

พ ร ะ ร อ ง




- ๑ -



"แต่งงานกับเรานะ"
ผมพูดประโยคนี้ออกไป
ไม่มีเสียงตอบจากเธอ
จะมีก็เพียงเสียงสะอื้นที่ยังต่อเนื่องมาจากเรื่องเดิม

"เดี่ยวอาทิตย์นี้เรากลับบ้านไปคุยกับแม่
ให้ที่บ้านไปสู่ขอเป็นเรื่องเป็นราว"
ผมยังคงพูดอยู่ฝ่ายเดียว
ส่วนเธอก็คงยังสะอื้นไม่หยุด

จำไม่ได้แล้วว่าเราจบบทสนทนากันยังไง





- ๒ -




"เราคุยกับที่บ้านแล้วนะ" ผมเริ่มบทสนทนา
"อืม" เธอพูดสั้นๆแค่นี้
"แม่ถามเราว่า ไม่เด็กเกินไปเหรอที่จะแต่งงาน" ผมพูดต่อ
"แม่พูดถูก" เธอพูดสั้นๆ เหมือนเดิม
"แล้วข้อสำคัญที่แม่ถามคือ
ตกลงผู้หญิงเขาจะแต่งงานกับลูกเหรอ
แน่ใจนะ ไม่ใช่คิดเองเออเอง"
"..." เธอเงียบ ไม่มีเสียงตอบใดๆ





- ๓ -




ผมยังจำครั้งแรกที่ผมขอแต่งงานได้ดี
วันนั้น ผมเพิ่งเป็นบัณฑิตหมาดๆและเพิ่งเริ่มทำงาน
วันนั้น ผมโทรไปหาเธอตามปกติ
แล้วเธอก็เล่าเรื่องที่เธอกำลังอัดอั้นตันใจ

ที่บ้านกำลังจะบังคับให้เธอแต่งงานกับใครคนหนึ่ง
ใครคนนั้น คนที่เธอไม่ได้รัก คนที่เธอไม่ได้รอ
สิ่งที่ผมทำได้ ก็คือปลอบใจ และเสนอทางออก


ผมรู้ว่า ใครคือคนที่เธอรัก คนที่เธอรอ
ผมรู้ว่า คนๆนั้น ไม่ใช่ผม
ผมรู้ว่า สถานะของผมคือพระรอง
พระรองในละครหลังข่าว ไง
พระรองคือคนที่นางเอกสบายใจที่จะคุยด้วย
พระรองคือคนที่คอยปลอบใจนางเอก
พระรองคือคนที่พร้อมจะทำทุกอย่างเพื่อนางเอก
และผมก็ครองสถานะนี้มาตลอดจนเข้าปีที่ห้า
แต่ นางเอก ไม่เคยรักพระรอง
และ นิยายทุกเรื่อง นางเอกไม่เคยเลือกพระรอง


แล้วตามท้องเรื่อง พระรองก็ต้องแสดงสปิริต
"แต่งงานกับเรานะ"
บทละครทั่วไปก็ต้องเขียนให้พระรองทำแบบนี้
ในวันที่นางเอกประสบปัญหาแบบวันนี้

แต่ผมเป็นพระรองที่มีความคิดแบบตัวร้าย
เพราะผมกลับบ้านจริง และผมก็คุยกับแม่จริง
เพียงแต่ผมบอกแม่ว่า ผมอยากแต่งงาน
แม่ก็เลยบอกว่า ยังเด็กเกินไป อย่าเพิ่งรีบ
และข้อสำคัญแม่ยังสำทับว่า
หาผู้หญิงที่เขาจะแต่งงานด้วยให้ได้ก่อนเถอะ แล้วคุยมาพูด
(อันนี้แม่รู้ทันได้ไงไม่รู้ ...ฉลาดนะแม่เรา)





- ๔ -




"ตกลงเราจะทำงานแค่ปีเดียวแล้วก็จะไปเรียนต่อโทแหละ"
ผมพยายามเล่าสิ่งที่ผมคิดให้เธอฟัง
"ถึงวันที่เราเรียนจบและกลับมาทำงานอีกครั้ง
ถ้าเธอและเรายังไม่มีใครเข้ามา เรามาแต่งงานกันนะ
เรามั่นใจว่าเราดูแลเธอได้ ยังไงเราก็เป็นเพื่อนกัน
เราก็แต่งงานกันแบบเพื่อนๆ นี่แหละ"
ผมมักเป็นฝ่ายพูดอยู่คนเดียวเสมอและเวลาเราคุยกัน


บทสนทนา(ฝ่ายเดียว)ครั้งนี้
ถือเป็นครั้งสุดท้ายที่เราสองคนได้พูดกัน
เพราะหลังจากวันนั้น
เธอกลับไปอยู่บ้านเกิด
ผมเริ่มกลับมาเรียน เจอคนใหม่ๆ
มีเรื่องราวเกิดขึ้นมามายในฝั่งของผม
และข่าวคราวของเธอก็หายไปจากผมในที่สุด





- ๕ -




3 ปีผ่านไป



"เธอเป็นไงบ้างละ ได้ข่าวว่าคบกับรุ่นน้องเหรอ"

เพื่อนผม แวะมาธุระที่กรุงเทพ แล้วก็บังเอิญเจอกัน
ผมก็เลยถามถึงข่าวเธอ
รู้ว่าเธอย้ายไปทำงานที่จังหวัดบ้านเกิดผม
ยังไม่แต่งงาน
แล้วเพื่อนผมก็ย้อนกลับมาถามผม
ทำเอาผมตกใจเล็กน้อย
เพราะเรื่องของผมมันไม่น่าจะรู้ถึงหูใครๆ ได้เลย

ครั้งนั้น
พระรองอย่างผมก็คงต้องรู้สึกไปตามที่ละครเขียนใว้นั่นแหละ






- ๖ -


6 ปีต่อมา เหตุการณ์เมื่อวาน

"เฟิง " เสียงผู้หญิงคนหนึ่งทัก
ผู้หญิงหน้าตาคุ้นๆ ยืนอยู่กับเด็กผู้ชายตัวเล็กๆอายุไม่เกิน 4 ขวบ
ผมหยีตามมอง เพราะขณะนั้นไม่ได้ใส่แว่น
ผมได้แต่ยิ้มเพราะยังจำไม่ได้
พอผมหยิบแว่นขึ้นมาสวมจึงจำได้
เพื่อนของผมสมัยเรียนนั่นเอง

เพื่อนของผมได้ทุนอาจารย์ที่มหาลัยที่เราเรียน
เพิ่งจบปริญญาเอกกลับมาได้สองเดือน
แต่งงานเมื่อ 5 ปีที่แล้ว
ตอนนี้มีลูกชายหนึ่งคน
และอีกคนที่กำลังอยู่ในท้อง

แล้วเพื่อนของผมก็เล่าถึงเพื่อนคนอื่นๆที่เพิ่งเจอ
เล่าไปเรื่อยๆว่าใครเป็นไงบ้าง
มีลูกกันกี่คนแล้วซึ่งส่วนใหญ่แต่งงานกันหมดแล้ว
แล้วก็เล่ามาถึงเธอ
ผมชิงถามว่า แล้วเธอมีลูกกี่คนแล้ว
เพื่อนผมซึ่งนอกจากจะเป็นเพื่อนเธอแล้ว
ยังเป็นญาติของเธอด้วย เล่าว่า

เธอยังไม่แต่งงาน

เราทั้งสองชะงักไปเล็กน้อย
ก่อนที่จะหันไปคุยกันเรื่องอื่น

ผมเกิดความรู้สึกแปลกๆ
ความรู้สึกที่ผมชอบเรียกมันว่า
ความรู้สึกแบบพระรอง
และความรู้สึกนี้มันทำให้ผมนอนไม่หลับ

ผมกำลังสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นกับเธอ
เธอน่าจะเป็นคนแรกในกลุ่มเพื่อนๆที่ได้แต่งงาน
เพราะทางบ้านของเธอช่างเร่งรัด

แล้วทำไมเธอจึงอยู่มาจนอายุเท่านี้
ในสังคมบ้านเธอ ผู้หญิงอายุเท่าเธอนั้น
เรียกได้ว่า หมดโอกาส ที่จะแต่งงาน ไปแล้ว

ผมค่อนข้างอยากรู้
เพื่อจะได้เชื่อมั่นได้เต็มร้อยว่า
หนึ่งปัจจัยอันน้อยนิดนั้น
ไม่มีเรื่องของผมสักกะพี้
เพราะผมยังเชื่อว่า
พระรองไม่มีผลกับนางเอก
(แม้จะไม่มั่นใจบ้างในบางชั่ววูบ)


ผมยังเชื่ออีกว่า
ถ้าผมเล่าเรื่องเธอให้บรรดาเพื่อนสนิทฟัง
ผมจะต้องถูกต่อว่าอย่างไรบ้าง
คำแนะนำของพวกมันจะออกมาในรูปไหน

แต่ไม่รู้สิ
ยังไงๆ ผมก็ไม่ได้อยากเป็นพระรอง
ไม่เคยอยากเป็นพระรอง
เบื่อที่จะเล่นบทพระรองด้วย
ใครๆ ก็อยากเป็นพระเอกกันทั้งนั้น

แล้วอีกอย่าง
ความรู้สึก แบบพระรองที่เกิดขึ้นเมื่อคืน
มันจะหายไปเองในวันนี้
ผมมั่นใจ


แล้วเธอละ !






หมายเหตุ.

เพื่อความสบายใจ ปลอดภัย ของใคร ทุกๆ คน
ข้อความข้างบนทั้งหมดคือเรื่องแต่ง ...

3 Comments:

At 11:20 PM, Anonymous Anonymous said...

อ้าว

:D

 
At 10:27 AM, Anonymous Anonymous said...

เหมือนเรื่องจริงเนอะพระรองเนอะ จากพี่พระรอง

 
At 4:26 AM, Anonymous Anonymous said...

ไม่เคยรู้เรื่องนี้เลยเนอะ พี่พระรองเนอะ

 

Post a Comment

<< Home