Phi Phi : Pee Pee : พี พี
วันศุกร์
ไปถึงสายใต้ประมาณหนึ่งทุ่ม
เพราะรุ่นพี่ที่ไปด้วยบอกว่าให้ไปถึงไวไว
แต่รุ่นพี่มาช้า คงเพราะรถติด
เจอเพื่อนเก่าสมัยเที่ยวพม่า
เพื่อนคนนี้กำลังจะไปเดินผสเหยีบเฆษ
และเดือนหน้าก็จะไปเลห์ ลาดัก แคชเมียร์
รถออกช้ากว่ากำหนดเล็กน้อย
เราจองลิกไนท์ทัวร์เอาใว้เพราะใครๆก็บอกว่าดี
แต่พอถึงเวลาขึ้นรถกลับกลายเป็นว่า
เป็นรถของนครศรีร่มเย็นไปซะงั้น
ถามคนขับและพนักงานบนรถว่าจะถึงกระบี่กี่โมง
ก็ไม่มีใครทราบ เราก็เลย งง งง ว่าจะบอกให้คนมารับยังไง
ถามย้ำอีกครั้งว่าเราจะไปทันขึ้นเรือไปพีพีหรือเปล่า
ก็ไม่มีคำตอบใดๆ ให้นักท่องเที่ยวอย่างเราพอจะเข้าใจ
รถแวะกินข้าวตามาตรฐานรถทัวร์ทั่วไป
แต่สถานที่แวะไม่ดี ห้องน้ำสกปรกมาก
วันเสาร์ที่ 29 เมษายน
ประมาณหกโมง เรายังอยู่แถวสุราษฎ์ธานี
ก็เริ่มสงสัยว่า เรากำลังจะไปพีพี หรือว่าไปสมุย
หรือว่าเราเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า
แล้วรถก็ขับพาเราวกไปวนมา
(ตามความเข้าใจเอาเองของเรา)
จนในที่สุดเราก็ถึงบขสกระบี่ เวลาประมาณแปดโมง
เราก็เลยต้องรอนั่งทานกาแฟ
รอให้ทาง บีบี เกสเฮ้าร์ มารับ
เขาพาเราไปที่เกสเฮาร์ บอกให้ซื้อข้าว
แล้วก็รอให้รถของทางเรือมารับ
เพื่อมาไปส่งที่ท่าเรืออีกทีหนึ่ง
บนรถที่พาไปส่งที่ท่าเรือ เต็มไปด้วยนักท่องเที่ยว
ชาวต่างประเทศล้วนๆ
บอกรุ่นพี่ที่ไปด้วยกันว่า
นี่คือการท่องเที่ยวต่อจากทริปเนปาล
เพียงแค่พวกเราแวะทำงานหาเงินที่กทมก่อน
ท่าเรือไปพีพี ถือว่าเป็นท่าเรือที่ทันสมัย และดูดีที่สุด เท่าที่เคยเจอมา
(อาจจะเจอมาน้อยนะ แต่ก็เจอมาหลายที่)


เรื่อออกจากท่า เราเลือกนั่งหน้าสุด ใกล้คนขับ
แล้วก็ใช้เวลาชั่วโมงครึ่ง จมอยู่ในโลกนิยายที่ถือติดไปด้วย
เมื่อเรือเทียบท่าที่พีพี
คราแรกที่เห็นนึกว่าจะสวยกว่านี้
แล้วก็สงสัยว่าเขาขะเอาปาล์มมาปลูกแทนต้นมะพร้าวทำไม
เดินไปหาสมาชิกที่ถึงมาก่อนแล้ว
เข้าที่พัก อาบน้ำ อาบท่า นั่งกิน นอนกิน
รอให้แดดร่มลมเย็น แล้วค่อยออกไปเดินเที่ยว


จุดหมายแรกของเราคือ จุดชมวิว ของเกาะ
จุดที่จะเห็นเกาะพีพี ทั้งสองฝั่ง จุดชมพระอาทิตย์ขึ้น-ตก
เราไปถึงจุดนั้นเร็วเกินไป พวกพลังเหลืออย่างเราก็เลยเดินลงเขา
ไปสู่หาดรันตี หาดที่เราตั้งเป้าหมายว่าจะไปพัก และเราก็เปลี่ยนใจซะก่อน
ใช้เวลาไม่นานก็ถึงรันตี เส้นทางพอได้เหงื่อ
หาดรันตีเงียบสงบ เหมาะแก่การมาพัก แบบพักจริงๆ
แต่เราก็คิดว่า พีพี มันมีเสน่ห์ตรงเมืองเหมือนกัน
เราจึงรู้สึกว่าตัดสินใจถูกที่เลือกพักที่ใกล้ท่าเรือ
เดินกลับขึ้นเขามาเพื่อดูพระอาทิตย์ตก
แวะไปจุดทอปวิวอีกจุดหนึ่ง
รู้สึกว่าพระอาทิคย์ตกที่ทอปวิวจะสวยกว่าที่วิวพอร์ย

หลังจากรอพระอาทิตย์ที่ไม่ตกน้ำ
แต่เลือกหลบหายไปหลังก้อนเมฆ
เราก็เดินลงมาข้างล่าง เลือกไปนั่งดูพระจันทร์และดวงดาว
ที่หาดตรงข้ามกับฝั่งท่าเรือ
ตรงนี้มีร้านเปิดเพลงเพราะๆ
บรรยากาศเหมาะแก่การนั่งมองฟ้า มองทะเล
ชมจันทร์ ฝันถึงหมู่ดาวดีแท้ๆ
อิ่มบรรยากาศ เราก็แวะไปหาอาหารใส่ท้อง
แล้วก็เดินดูเมืองพอเป็นกระษัย ก่อนจะกลับไปพักผ่อน
เพราะวันรุ่งขึ้นเรานัดเรือเพื่อไปดำน้ำ

วันอาทิตย์ที่ 30 เมษายน
ตอนกลางคืนร้อน ยุงก็เยอะ
โชคดีที่ก่อนสว่างฝนเทลงมา
เราจึงพอจะหลับกันบ้าง
เราตื่นมาอาบน้ำ เก็บข้าวข้อง
เพราะเราต้องย้ายไปนอนที่หาดยาว
ให้เรือที่เหมาแวะไปส่งก่อน
หลังจากเอาของเข้าที่พัก
เราก็ออกไปท่องเที่ยวรอบเกาะ
ตั้งใจจะพาเราไปเดินเล่นที่อ่าวมาหยา
แต่ว่าคลื่นแรก ลงไปไม่ได้
(เรือเราบอกอย่างนี้ แต่คนอื่นเดินกันตรึม งง)
หลังจากขับวนรอบเกาะพีพีเลหนึ่งรอบ
เรือก็พาเราไปดำดูประการังที่หาดรันตี
ซึ่งเป็นที่น่าผิดหวังมาก เพราะไม่มีอะไรเลย

เราจึงบังคับเรือให้พาเราไปสู่เกาะไผ่
จุดแรกที่เรือจอดให้ดู น่าผิดหวังกว่ารันตีซะอีก
เราเลยแวะลงไปกินข้าวและเดินเล่นที่เกาะไผ่
เกาะนี้สวยมาก น่าพัก เป็นของอุทยานด้วย
สามารถเอาเต็นท์มานอนได้
เราก็เลยอาฆาตกันใว้ก่อน
เสร็จจากมื้อเที่ยง เราก็ไปดำน้ำกันต่อ
เรือพามาที่เกาะยุง
ที่จุดนี้เป็นที่น่าพอใจ ให้ห้าดาวเลย






แล้วเรือก็พากเรากลับที่พัก
แค่นี้แหละ แค่นี้จริงๆ
ไอ้เรือขี้เกียจ เอาเปรียบ และบ่นตลอดเวลา
เรากลับมาก็นั่งเล่น นอนเล่น
รู้สึกเป็นสุขกับวันพักผ่อน







แล้วอาหารมือค่ำวันนี้ก็เป็นอาหารทะเลชุดใหญ่
รสอร่อย สมกับความหิว
แล้วเราก็นอนดูดูทะเล และดวงดาวกันอีกคืน


วันที่ 1 พค วันแรงงาน
เมื่อคืนร้อนมาก มาก
ต้องลุกมาอาบน้ำแล้วนอนต่อ
ตื่นขึ้นมาก็นั่งดูทะเล
นอนอ่านหนังสือ นั่งเล่นไพ่
จนกระทั่งใกล้เที่ยงจึงออกไปท่าเรือ
เดินเล่น นั่งเล่น
เขียนโปสการ์ด หาตัวเอง
(เพราะไม่มีแสตมป์สำหรับคนไทย)
แล้วเรือก็ออกประมาณบ่ายสองครึ่ง
เวลาบนเรือก็อยู่กับนิยาย
และภาพบ่อนที่อยู่ตรงเท้า
กลับมาถึงฝั่งก็แวะอาบน้ำที่ บีบี เกสเฮ้าร์
เป็นเกศเฮาร์นิสัยดี ใครไปไปแถวกระบี่แวะไปพักได้
สะอาดสะอ้าน ราคาไม่แพง
เสร็จจากการแปลงโฉม ก็รีบไปบขส
แต่ดันนั่งรถรอบเมือง ซึ่งค่อนข้างอ้อม
ก็เลยมีลุ้นเล้กน้อย
ขากลับก็เลือกลิกไนท์ทัวร์เหมือนเดิม
ก็ไม่ได้ต่างจากเดินมานัก
แต่ก็พอรับได้
กลับถึง กทม ตีสาม
แหะ แหะ วันรุ่งขึ้นก็ทำงานต่อ
3 Comments:
ยังกับรูปถ่าย postcard !
คงไม่ต้องฝึกเพิ่มแล้วมั้งคะคุณพี่
รูปวิวสวย แต่ชอบดูรูปคนมากกว่า
ชอบรูปภูเขาทีดำ ฟ้าสีส้มไล่โทนไปถึงเทา จังเลย
ถ่ายได้งัยคะ เก่งจัง :)
ทะเลที่นั่นสวยมาก ๆ ขอบอก
Post a Comment
<< Home