Sunday, June 17, 2007

หลังเลิกงาน : ทุกวัน คือ น้ำหนัก

หลังเลิกงาน : วันจันทร์

นำโทรศัพท์ที่ไม่สามารถเปิดได้ไปซ่อมที่มาบุญครอง
มีร้านให้เลือกมากมาย
จนไม่กลัว

โทรหาเพื่อนที่เปิดร้านอยู่ที่นั่น
เธอบอกให้ไปหาลูกน้องเธอที่ร้าน
และลูกน้องเธอก็จัดการให้จนเสร็จ
โดยรับคำสั่งจากเธอว่า ห้ามคิดเงิน

บางครั้งน้ำใจที่มากเกินควร
ก็สร้างความลำบากใจให้ผู้รับ

ผมจึงต้องบอกเธอว่า
เจอกันเมื่อไหร่ ผมค่อยเลี้ยงข้าวเธอตอบแทน
พูดไปทั้งๆที่รู้ว่า
โอกาสที่จะได้เลี้ยงข้าวเธอ
ไม่รู้จะมาถึงเมื่อไหร่


หลังเลิกงาน : วันอังคาร

นอกจากต้องกินอาหารดีๆ
พักผ่อนให้พอเหมาะพอสม
ก็ต้องออกกำลังด้วย

เชื่ออย่างนี้
และก็พยายามทำอย่างนี้ให้ได้

เนื่องจากอาการเหนื่อยจากการเดินป่ายังอยู่
วันนี้จึงทำได้แค่เพียงยืดเส้นยืดสาย
ให้พอมีเหงือ กล้ามเนื้อได้คลายตัว


หลังเลิกงาน : วันพุธ

เลิกงานเป็นคนรองสุดท้าย
งานยังไม่เสร็จ ต้องรีบกลับ
เพราะไม่มีกุญแจปิดออฟฟิศ

อาการหวัดตั้งแต่กลางวันยังไม่ดีขึ้น
จึงตรงกลับที่พัก เพื่อพักผ่อน

กลับถึงที่พักก็จัดการกับกองผ้าจากการท่องเที่ยว
เพื่อเตรียมตัวไปเที่ยวอีกครั้งหนึ่ง

นอนอ่านการ์ตูนจนหลับ


หลังเลิกงาน : วันพฤหัสบดี

ไปกินข้าวกับพี่ๆที่รู้จัก
เนื่องในโอกาสที่คุณเอสกลับมาจากดูไบ
คุณเอสฝรั่งหน้าตาเหมือนลุงเคน
กลับมาพักผ่อนที่เมืองไทย บ้านภรรยาหนึ่งอาทิตย์
กำลังจะกลับไปในวันเสาร์ จึงอยากเจอเพื่อนร่วมงาน

คุณเอสเป็นสถาปนิกออกแบบรถไฟฟ้า
สายสีเขียวและสีแดง ของประเทศดูไบ
ผมบอกว่า ตอนนี้ผมกำลังทำสายสีม่วงอยู่
คุณเอสบอกว่าเจ้านายของผมก็ชวนเขามาทำเหมือนกัน
ผมบอกว่า วันหนึ่งผมอาจจะได้เจอเขาที่ดูไบ

ผมพูดไปทั้งๆที่รู้ว่า โอกาสเกิดขึ้นน้อยมาก

ฟังภาพดูไบจากคุณเอสแล้ว
ต่างจากที่เคยได้ยินได้ฟังมามาก
คุณเอสบอกว่า เดือนหน้าอุณภูมิข้างนอกจะถึง ๕๐ องศา
ฟังแล้วจะรู้สึกร้อนแทนเลย

ระหว่างบทสนทนาเรื่อยๆเปื่อยของวงอาหารตอนหนึ่ง
คุณเอสซึ่งอายุ ๖๑ แล้วพูดว่า

ผมขอแนะนำพวกคุณในฐานะที่พวกคุณยังหนุ่ม
มีสองอย่างที่พวกคุณควรจะทำ
หนึ่งคือ การถ่ายรูป โดยเฉพาะรูปบ้านเมือง
สองคือ การสะสมของธรรมดาๆ

เมื่อเวลาผ่านไปยี่สิบสามสิบปี
สองอย่างนี้จะมีคุณค่ากับคุณมาก

เพราะทุกคนพร้อมจะพูดว่า
อย่างงี้ฉันเคยมี แบบนี้ฉันเคยเห็น
ฉันเคยใช้แบบนี้มาก่อน



หลังเลิกงาน : วันศุกร์

ออกเดินทางจาก กทม ประมาณหนึ่งทุ่มครึ่ง
ประมาณสามทุ่มกว่าๆก็ถึงจุดหมาย
น้ำตกตะคร้อ อำเภอประจันตคาม
พวกเรานอนกันที่ทำการอุทยาน


วันเสาร์

ประมาณเจ็ดโมงเราก็ออกเดินทางไปยังจุดนัดหมาย
หน่วนเภกา จัดการทำอาหารเช้า เพื่อรอสมาชิกที่เหลือมาสมทบ

หลังข้าวเช้า และสมาชิกพร้อม
พวกเราทั้งหมดก็ถูกส่งไปจุดเริ่มเดิน
จุดที่เริ่มเดินเป็นป่าหญ้าคา
ซึ่งพื้นที่ของธรรมกาย




ทางเดินง่ายๆ สบายๆ
ป่าแถวนี้ยังร่ม แม้ไม้ไม่ใหญ่มาก
ใช้เวลาประมาณสองชั่วโมงกว่าๆ
พวกเราก็ถึงจุดที่พัก

จัดการผูกเปล ปลูกไฟล์ชีท
ทำอาหารเที่ยง ทานข้าว
แล้วก็เล่นน้ำ - กิจกรรมหลัก






ประมาณบ่ายสี่เราก็เดินขึ้นไปชมน้ำตกที่ยอดเขา
น้ำตกสามง่ามในอาทิตย์นี้ไม่มีน้ำ
แต่เมื่อมาถึงแล้วก็อยากไปพิสูจน์ดูซะหน่อย

ทางเดินช่วงนี้ไม่ยาวแต่ยาก
เพราะไม่มีทาง ต้องทำการตัดทางขึ้นเขา

กลับลงมาจากน้ำตก
พี่ๆที่ไม่ได้ขึ้นก็จัดการทำอาหารเย็นใว้เรียบร้อยแล้ว

หลังจากเล่นน้ำกันจนหนำใจ
แล้วก็ทานอาหารเย็น
นั่งพูดจากันเล็กน้อย
ก็แยกย้ายกันไปนอน

ประมาณสี่ทุ่มฝนก็ตกลงมา
นอนฟังเสียงน้ำใหล
เสียงฝนที่ตกลงมากระทบไฟล์ชีท
เป็นสุขดี



วันอาทิตย์

ทุกหยดน้ำที่เกาะบนไฟล์ชีท
คือน้ำหนักที่ต้องแบก

ตอนที่กำลังเก็บไฟล์ชีท
รู้สึกแบบนี้มากๆ

เดินกลับใช้เวลาน้อยกว่ามาก
แต่ต้องเสียเวลารอ
เนื่องจากรุ่นพี่คนหนึ่งทำกล้องหาย
จึงต้องให้รุ่นน้องที่พลังเหลือเฝือ
เดินกลับไปอีกรอบ

หลังจากอาหารเที่ยงที่หน่วยเภกา
เราก็เดินทางต่อมาหาเพื่อนซึ่งเป็นพยาบาล
ที่โรงพยาบาลอภัยภูเบศ
เพื่อกินส้มตำ
ที่รสชาดไม่ค่อยประทับใจสักเท่าไหร่


หลังจากเสร็จจากมื้อสมตำ
ก็นั่งกระบะหลังของรถ ตากฝนกลับ กทม

2 Comments:

At 8:55 AM, Anonymous Anonymous said...

อ่า...เคยไปโรงพยาบาลอภัยภูเบศร์ค่ะ
เค้าจะมีนวดแผนไทยด้วยนะ
แล้วก็มีพวกผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติเยอะเชียวแหละ

 
At 9:33 PM, Anonymous Anonymous said...

มาอ่านแระ...

 

Post a Comment

<< Home