Monday, June 11, 2007

ขาขึ้นนั้นยาก ขาลงก็เหนื่อย นะ

รถตู้พาพวกเราถึงจุดหมายประมาณตีสี่
มีรถตู้หนึ่งคันและเต็นท์จำนวนหนึ่งกางอยู่ก่อนแล้ว
พวกเราไม่อยากกางเต็นท์เพราะขี้เกียจรื้อของ
ส่วนใหญ่ของสมาชิกจึงนอนต่อในรถ
บางส่วนใช้วิธีปูกราวชีทเพื่อนอนกับพื้น
แต่บริเวณนั้นยุงและรินเยอะมากๆ

เมื่อฟ้าสาง ก็ได้เห็นว่าเรามาพักอยู่ข้างลำธาร
เสียงน้ำใหลที่ได้ยินตลอดคืนคือเสียงน้ำตก
ฟ้าสว่างพอที่จะเดินไปหาต้นเสียง
ได้เจอกับน้ำตก จ๊อกกระดิ่น
น้ำตกสวยงาม น้ำเย็น
น่าเล่นเป็นที่สุด

เราไม่มีเวลาเยอะ
ต้องรีบเดินทางต่อ
เพื่อไปยังจุดเริ่มต้นเดิน

พวกเราเดินทางมาที่บ้านอีต่อง
หมู่บ้านชายแดนที่เคยเจริญถึงขีดสุด
ในสมัยที่เหมืองปิล๊อกยังคงมีชีวิต
แต่ในวันนี้ทุกอย่างได้กลายเป็นอดีตไปหมดแล้ว

รับประทานอาหารเช้า ที่ร้านในบ้านอีต่อง
และเตรียมเสบียงสำหรับมือเที่ยง
ก็ได้เวลาเดิน

ทางเดินช่วงแรก
เป็นเส้นทางรถโฟร์วีลเก่า
ผ่านบริเวณที่เป็นท่อแก๊สไทยพม่า
ซึ่งจากข้อมูลที่เราเคยได้รับผ่านสื่อคือ
เส้นทางที่ท่อแก๊สผ่านนั้น
ป่าไม้ถูกฟื้นฟูขึ้นมาแล้ว

อยากบอกว่า อย่าเชื่อ
เพราะสิ่งที่เราได้เห็น
มันก็ยังโล่งๆเตียนๆ ไร้ต้นไม้
เหมือนๆกับที่ฝ่ายต่อต้านได้เคยบอกใว้

ผ่านจากช่วงแรกก็เริ่มเป็นเส้นทางเดิน
ที่ลัดเลาะไปตามยอดเขาต่างๆ
เป็นยอดเขาหัวโล้นๆ
ไร้ต้นไม้ใหญ่ มีแต่หญ้าคา
ร้อนมาก ถึงมากที่สุด แถมก็คันด้วย

ต้นไม้ใหญ่ที่พอจะมีอยู่ตามรายทาง
เหมือนโอเอซิส ที่ทุกคนต้องการเจอ
ภายใต้ร่มไม้ อากาศจะเย็นสบาย
ยิ่งมีลมพัดโชยมา บรรยากาศหน้านอนเล่นมาก

เราไม่ได้แค่คิด เราทำจริง
ณ. จุดพักก่อนถึงจุดพักแรม
พวกเราจึงทำการต้มน้ำ
ดื่มกาแฟ และดื่มด่ำกับบรรยากาศ
และนอนหลับ - สำหรับบางคน

หลังจากจัดการกับสัมภาระต่างๆ
แล้วพวกเราก็เตรียมการเดินขึ้นยอดเขา
ซึ่งถึงว่าเป็นจุดที่หวาดเสียวพอสมควร
เพราะทั้งซ้ายและขวาเป็นเหว
ทางเดินแคบและชัน เสี่ยงพอสมควร

บางครั้งก็คิดในใจว่า
เรากำลังทำอะไรกันอยู่
เพื่อความสวยงามที่อยากเจอ
นักพิชิต ใบประกาศนียบัตร
หรือว่า การพิสูจน์อะไร
ทำให้เราต้องนำพาตัวเองมาเสี่ยงกับอันตราย

หลังจากผ่านจุดที่อันตรายที่สุด
ที่เรียกว่าสันมีด
เส้นทางก็ไม่ได้หวาดเสียวน้อยลง
เราต้องมีสมาธิกับการเดินเป็นอย่างมาก

ทิวทัศน์ข้างบนสวย
แต่เสียดายที่ไม่ได้ติดกล้องขึ้นไป
เพราะตอนจะขึ้นฝนกำลังจะตกพอดี
ความสวยงามที่เห็น จึงเก็บมาฝากใครไม่ได้

จาดจุดยอด
เราสามารถมองเป็นรอบทิศ
ด้านหนึ่งจะเป็นวิวเขื่อนเขาแหลม
ด้านที่เหลือจะเป็นยอดเขาต่างๆที่เทือกเขานี้

ความตั้งใจที่จะอยู่เพื่อชมพระอาทิตย์ตกดิน
ถูกยกเลิก
เกรงว่าหากมืด
อันตรายจากการเดินลงจะยิ่งทวีคูณ

แม้จะเป็นเส้นทางเดิม
แต่เรากลับคิด และลงความเห็นกันว่า
ขาลงอันตรายว่าขาขึ้น

อาหารมื้อเย็น
คือ ต้มยำปลากระป๋อง
ยำปลากระป๋อง ไข่เจียว
เนื่องจากบนยอดเขาไม่มีน้ำ
พวกเราจึงพยายามแบกของมาให้น้อยที่สุด
เพราะสัมภาระโดยส่วนใหญ่จะต้องแบกกันขึ้นมาเอง

จุดที่เราตั้งแคมป์
ลมแรงมาก อากาศดี
นอนฟังเสียงลมตีไฟล์ชีทจนหลับ


เช้าของอีกวัน
เพื่อนๆหลายคนยังเลือกที่จะขึ้นไปชมทะเลหมอก
บนยอดเขาเดิม

ผมหลีกเลี่ยง
เลือกเดินย้อนกลับไปยอดเขาเดิม
ที่คาดว่าน่าจะได้ภาพที่สวยพอ

หลังจากอาหารเช้า
พวกเราก็เดินกลับ
ขากลับเดินง่ายกว่าขามา
แต่ร้อนกว่ามากๆ
ร้อนจนแสบผิวไปหมด

เราใช้เวลาประมาณสามชั่วโมง
ก็มาถึงบ้านอีต่องจุดเริ่มเดิน
จัดการอาบน้ำอาบท่า
กินข้าว - ส่วนมากจะกินน้ำซะมากกว่า
แล้วเราก็อำลาบ้านอีต่อง
มุ่งไปสู่อุทยานแห่งชาทองผาภูมิ
เพื่อประทับตราพาสพอร์ท
และรับประกาศนียบัตร

แต่ปรากฏหัวหน้าอุทยานไม่อยู่ล
เจ้าหน้าที่จึงจะส่งตามมาทีหลัง

แล้วเราก็แวะถ่ายรูปที่จุดชมวิวของอุทยาท
ซึ่งเราพบว่ามันคือ วิวเดียวกัน
กับวิวที่เรามองเห็นจากการพยายามปืน
และฝ่าอันตรายขึ้นไปบนยอดเขา

บางคนถึงกับเปรยว่า
แล้วเราจะปืนขึ้นไปทำไม

ผมเชื่อว่าทุกคนคงมีคำตอบ
ให้กับตัวเอง

วรพจน์ เคยเขียนใว้ว่า
ตอนที่เขามีโอกาสได้เดินทางร่วมกันกับ
มล ปริญญากร และ คุณ สุทธิพงษ์ ธรรมวุฒิ
คนหนึ่งบอกว่า ถ้าเลือกได้ เขาจะนอนบ้าน
อีกคนหนึ่งบอกว่า ถ้าเป็นไปได้ผมจะนอนเต็นท์
คนแรกคือ มล ปริญญากร คนที่ต้องอดทนอยู่ตามป่าเขาดงดอย
เพื่อถ่ายภาพสัตว์ป่า คนหลังคือ สุทธิพงษ์ แห่งคนค้นคน

แล้วคำตอบของผมละ ?







4 Comments:

At 11:13 PM, Anonymous Anonymous said...

ความสุขของป๋มอยู่ระหว่างทางเดิน
ไม่ใช่อยู่ที่จุดสูงสุด

ป๋มหลงไหลกลิ่นมิตรภาพตามรายทาง
มากกว่าความรู้สึกว่าเป็นผู้พิชิต

ป๋มชอบช่วงเวลาที่เราทำอาหารร่วมกัน
ป๋มชอบฟังเรื่องเล่าหลังมื้อเย็นของเพื่อนๆ
ป๋มชอบซุกตัวลงไปในถุงนอนอุ่นๆ
เพราะป๋มจะรู้สึกว่าผีจะเข้ามาหลอกป๋มไม่ได้
ซึ่งมันจะทำให้ป๋มหลับฝันดี
ความสุขของป๋มมีเท่านี้แหละ
เวลาแรมทาง

...จึงไม่แปลกที่ป๋มจะได้ยินคำถาม
จากคนรอบข้างเสมอๆว่าป๋มขึ้นมาทำไม
ทำไมไม่ไปดูวิวที่จุดสูงสุด
ทำไมไม่ไปดูพระอาทิตย์ขึ้น
ทำไมไม่ไปดูพระอาทิตย์ตก
มีทะเลหมอกง๊าม งามด้วยนะ
.....
ซึ่งป๋มมักจะอ้างเหตุผลต่างๆนา
ถูๆไถ่ ไปตามประสาสุดแต่จะคิดได้ตอนนั้น
บางเหตุผลฟังดูแล้วน่าหมั่นไส้เป็นอย่างมาก..หุหุ

...แต่ป๋มมีความสุขกับสิ่งที่ป๋มเลือก
เพราะป๋มตั้งใจ และพอใจเพียงเท่านั้น
ซึ่งมันอาจดูแปลก...ในมุมมองของคนอื่น
แต่สำหรับป๋มมันเป็นเรื่องปกติ

 
At 2:29 PM, Anonymous Anonymous said...

ชอบจังค่ะ

 
At 4:07 PM, Anonymous Anonymous said...

รูปสวย
เที่ยวบ่อย
อิจฉาเฟ้ย

ยุ้ย

 
At 9:11 AM, Anonymous Anonymous said...

อือ น่าอิจฉาค่ะ แต่ไม่เคยทำอะไรแบบนี้
แต่ตอนอยู่นี่ก็เดิน (เข้า) ป่าคนเดียว
ปวดขาจะบ้าตาย แต่ไม่เคยพักในป่าอะค่ะ

 

Post a Comment

<< Home