Wednesday, December 13, 2006

วาระ ของชีวิต ... 1

8 ธันวาคม

10.30 แบกเป้ใบโตเข้าที่ทำงาน
เพื่อนร่วมงานส่วนใหญ่อยู่ห้องประชุม
ข้าพเจ้าไม่อยากเข้าประชุม
จึงเลี่ยงไปเดินตรวจงานแทน

11.30 ที่ประชุมเลิก
ทุกคนเดินเข้ามาเห็นเป้แล้วตกใจ
สอบถามว่าข้าพเจ้าจะไปไหน ไปอย่างไร
คิดว่าข้าพเจ้าจะหนีเที่ยวนานๆ

ข้าพเจ้าได้แต่ตอบว่า
ไปงานแต่งงานเพื่อนที่เชียงใหม่
แต่ยังไม่รู้ว่าจะไปอย่างไร
มีแค่เป้าหมาย วิธีการยังไม่ได้กำหนด

บ่ายโมง
เพื่อนโทรมาบอกว่าได้ตั๋วรถทัวร์แล้ว
รถออก 22.10 น
รู้สึกว่าลงตัวดีเหมือนกัน
เพราะจะได้มีเวลาสะสางงานต่างๆให้เสร็จ

ประมาณสามทุ่มจึงออกจากที่ทำงาน
นั่ง Taxi ไปหมอชิต 2
รถเยอะตามที่คาด
แต่ระยะทางไม่ไกลจึงใช้เวลาไม่นาน

รถออกช้ากว่ากำหนดเล็กน้อย
แวะทานข้าวประมาณตีสอง

เวลาบนรถส่วนใหญ่ข้าพเจ้าหลับ
เพื่อนๆก็หลับ
เพราะก่อหน้าเดินทาง
เพื่อนๆส่วนใหญ่ก็นอนดึก
เพราะสะสางงาน

นี่คือวิถีชีวิตของ ข้าพเจ้าและเพื่อนๆ





9 ธันวาคม

รถถึงเชียงใหม่ประมาณ 8 โมงเช้า
แวะไปหาญาติเพื่อน
เพื่อรบกวนให้ไปส่งที่พัก
สมทบกับเพื่อนที่มาถึงตั้งแต่เมื่อคืน
เพราะเลือกเดินทางด้วยเครื่องบิน

จัดการล้างหน้าล้างตา อาบน้ำ
แล้วก็เริ่มท่องเที่ยว เพราะรถที่เช่าใว้ก็มารอนานแล้ว

ที่แรกคือ พระตำหนักภูพิงค์
คนเยอะ อากาศไม่เย็น
แต่ดอกไม้ต้นไม้ก็ยังสวยเหมือนเดิม
ข้าพเจ้าเคยมาเที่ยวที่นี้แล้ว
ก็เลยไม่ได้รู้สึกอะไรเป็นพิเศษ

ออกจากพระตำหนัก
เราก็มาต่อกันที่ดอยสุเทพ
เดินขึ้นไปชมวิวกันเล็กน้อย

เสร็จแล้วก็ไปต่อกันที่บ้านถวาย
บ้านถวายในภาพที่ข้าพเจ้าจำได้
กับปัจจุบันมันไม่เหมือน
ไม่แน่ใจว่าข้าพเจ้าจำผิดๆด้วยการสร้างภาพเอาเอง
หรือว่าบ้านถวายมันเปลี่ยนไปมาก

เรามีเวลาสำหรับที่นี้ไม่มาก
เพราะต้องรับกลับไปงานแต่งงาน

งานแต่งงานเพื่อนเริ่มเวลาหกโมง
พวกเราไปถึงประมาณหนึ่งทุ่ม
ปรากฏว่าโต๊ะเต็มเกือบหมดแล้ว
และเพื่อนก็ไม่ได้จัดโต๊ะใว้สำหรับพวกเรา
จึงต้องระเห็จไปนั่งสวมรอยกับกลุ่มอื่นๆ

หลังจากพวกเราได้ที่นั่ง
แขกที่มาหลังจากนั้นก็ต้องยืน
อาหารก็ไม่เพียงพอสำหรับแขก

ไม่แน่ใจว่าเพื่อนข้าพเจ้า
จัดการแจกการ์ดและ
สำรวจปริมาณคนมาร่วมงานล่วงหน้าหรือไม่
เพราะแขกที่มาร่วมงานเกินจากโต๊ะ
เกือบห้าสิบคน

ข้าพเจ้าพยายามมองโลกในแง่ดีว่า
คู่บ่าวสาวและพ่อแม่ เป็นที่รักของแขก
แขกเลยมาร่วมงานเยอะกว่าที่คาดการณ์ใว้

ช่วงที่พิธีกรสัมภาษณ์คู่บ่าวสาวบนเวทีกำลังดำเนิน
ข้าพเจ้าถามเพื่อนที่เคยผ่านประสบการณ์นี้ว่า
ตอนนั้นรู้สึกอย่างไร เขินไหม อายไหม อึดอัดไหม
เพราะข้าพเจ้ารู้สึกว่า มันเป็นช่วงเวลาที่กระอักกระอ่วน
ทั้งฝ่ายผู้อยู่บนเวทีและแขกที่มาร่วมงาน

หลังจากงานเลิก
พวกเพื่อนๆก็แวะไปนั่งรถดูเมือง
พวกเราขับรถผ่านถนนนิมมานเหมินทร์
เพื่อดูแหล่งท่องเที่ยวที่ hip hip ของเชียงใหม่
ก่อนจะมาจบลงที่ ไนท์ บาซ่า
และก่อนจะรู้สึกว่า มันไม่น่าสนใจเลย
ก็เลยเปลี่ยนไปนั่งกินลมชมแม่น้ำ ที่ River side

กว่าจะกลับถึงที่พักก็เกือบตีหนึ่ง

จนถึงวันนี้
ข้าพเจ้าก็ยังไม่เจออากาศหนาวที่เชียงใหม่
และยังตอบคำถามไม่ได้ว่า
ตกลงเชียงใหม่ มันน่าเที่ยวตรงไหน


... ใว้พรุ่งนี้มาต่อ

1 Comments:

At 12:27 AM, Blogger คิวว์ said...

สวัสดี..
คงจะต้องบอกซักเล้กน้อยพอเป็นพิธีว่ากูเกิ้ลนำทางข้าพเจ้ามายังที่แห่งนี้ เพื่อที่จะบอกว่า เพิ่งกลับมาจากเชียงใหม่เหมือนกัน และสงสัยเช่นกันว่า ถ้าเชียงใหม่ไม่หนาวแล้วมันจะน่าเที่ยวตรงไหน

 

Post a Comment

<< Home