หลากเรื่อง หลายอารมณ์
พเนจร
ผมชอบพเนจรจริงไหม
ผมตั้งคำถามนี้กับตัวเอง
เพื่อทบทวนความชอบของตัวเองอีกครั้ง
ผมมองดู เจ้านายตำแหน่ง COO
ซึ่งดูแลบริษัทในภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก
อาทิตย์หนึ่งอยู่ฮองกง
อีกสามวันอยู่เมืองไทย
ไปต่อที่สิงคโปร์อีกสองวัน
แล้วต่อไปอินเดีย ดูไบ
วนไปวนมาในแถบเอเชียกลาง
แล้ววนไปเมืองจีน ไต้หวัน ญี่ปุ่น
ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์
แค่นึกตาม ก็รู้สึกว่า
นี่คือตำแหน่ง และลักษณะงานในฝันของผมเลย
แต่ผมก็ยังไม่มีโอกาสได้เป็นอย่างนั้นหรอก
เพียงแค่ถูกส่งไปอยู่ Site แถวรามอินทรา
วิถีชีวิตปกติประจำวันที่เปลี่ยนไป
ความไม่แน่นอนของกำหนดการในแต่วัน
มันกลับทำให้ผมรู้สึกไม่ค่อยสนุกนัก
แล้วถ้าเกิดในทำงานแบบในฝันจริงๆ
ผมจะมีความสุขกับการพเนจรไหม
แล้ว
ผมชอบพเนจรจริงไหม
ผมอาจจะชอบวิถีชีวิตที่ราบเรียบ
ทุกอย่างดำเนินไปตามแบบแผน
รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นตอนไหน
เวลาทั้งหมดถูกจัดสรรอย่างเดิมๆ
แล้ววันไหนที่ผมเบื่อกับวิถีนั้น
ผมก็แค่หนีออกไปจากมันสักพัก พอให้เกิดสีสัน
แต่เมื่อผมหายเบื่อผมก็สามารถเรียกมันกลับมาใช้อย่างง่ายดาย
ผมเรียกอาการหนีว่า เด็กหนีเรียน
นั่นคือ การที่ผมชอบไปท่องเที่ยวต่างๆ
ในวันหยุด หรือโอกาสพิเศษ
แต่ในวันปกติตารางชีวิตเกือบจะเรียกว่า
เป็นตารางเวลาที่ค่อยข้างชัดเจนมากๆ
ปรองดอง
ผมต้องใช้เวลากับการเดินทางมากขึ้น
ในตอนเช้าประมาณหนึ่งชั่วโมง
และในตอนเลิกงานอีกหนึ่งชั่วโมง
ผมจึงพยายามทดลองการเดินทางหลายๆแบบ
เพื่อพิจารณาดูว่าแบบไหนที่เหมาะสมที่สุด
ปัจจัยที่ต้องพิจารณาคือ
เวลาที่ใช้ในการเดินทาง
ค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น
ความสะดวกสบาย
หมายรวมถึงกิจกรรมที่สามารถทำได้ระหว่างเดินทาง
กิจกรรมอย่างหนึ่งที่ทดลองคือ
การฟังข่าวระหว่างเดินทางในตอนเช้า
แล้ววันหนึ่งตลอดการเดินทางหนึ่งชั่วโมง
ผมได้ยินคำว่า ปรองดอง สามัคคี สมานฉันท์
และคงเพราะว่าไม่รู้จะคิดอะไร
ก็เลยเกิดความสงสัยว่า
ปรองดองแปลว่าอะไร
สามัคคีแปลว่าอะไร
สมานฉันท์แปลว่าอะไร
สีขาวกับสีดำ จะปรองดองกันอย่างไร
ความดีกับความชั่วจะสามัคคีกันแบบไหน
แล้ว เลี้ยวซ้ายกับเลี้ยวขวา จะสมานฉันท์กันอย่างไร
เดี่ยวต้องหาเวลานึกเรื่องแบบนี้ต่อ
ความเห็นใจเพื่อนมนุษย์
พนักงานเขียนแบบ
ซึ่งเป็นเพื่อนร่วมงานที่คอยสนับสนุนการทำงานของผม
ถูกยกเลิกการจ้างหนึ่งคน
และอีกหนึ่งคนกำลังอยู่ในภาวะเสี่ยง
ก่อนหน้านี้หนึ่งเดือน
ผมคุยกับ PM โครงการที่ผมกำลังทำว่า
ผมขอดึงสองนนี้มาช่วยงานผม
ในตำแหน่ง inspector
แม้เขาทั้งสองจะไม่ค่อยถนัดและไม่เคยมีประสบการณ์
แต่ผมรับรองว่าผมจะทำการสอนงาน
และเชื่อมั่นว่าทั้งสองคนจะช่วยงานผมได้เป็นอย่างดี
รวมทั้งเป็นการช่วยเหลือเขาทั้งสองคน
เพราะทั้งสองกำลังเสี่ยงกับการถูกยกเลิกการจ้าง
PM ไม่เห็นด้วย
เขาต้องการรับคนใหม่มาทำงานชั่วคราวเพียงหกเดือน
เขาเลือกรับพนักงานงานใหม่ในตำแหน่งนี้สามคน
ทั้งสามคนอายุประมาณห้าสิบปี
หนึ่งชั่วโมงก่อนรู้ข่าวการปลด
และหลังจากทำงานกับพนักงานใหม่สองคนประมาณสองอาทิตย์
ผมยืนยันกับ PM อีกครั้งว่าคนที่สามผมขอเลือกคนใดคนหนึ่ง
จากพนักงานเขียนแบบที่เคยช่วยงานผม
เพราะผมเชื่อว่าสามารถช่วยงานผมได้ดีกว่าสองพนักงานใหม่
ผมไม่ได้ต้องการคนที่มีประสบการณ์สูงๆ
หากประสบการณ์นั้นไม่สามารถช่วยให้งานผมราบรื่นได้
ผมยินดีจะสอนคนใหม่ คนที่ผมมั่นใจว่าจะทำงานสนับสนุนผมได้เต็มที่
PM ไม่เห็นด้วย
เขายังยืนยันที่จะเลือกคนของเขาเอง
วินาทีที่ผมได้ยินข่าวร้ายจากเพื่อนร่วมงาน
ผมอึ้ง
ผมไม่อยากกล่าวโทษ PM
เพราะภาระที่เขารับอยู่
อาจจะทำให้เขาต้องแบกรับอะไรบางอย่าง
ที่ผมไม่เคยรับรู้
ผมได้แต่ภาวนาว่า
ถ้าวันหนึ่งผมขึ้นไปยืนอยู่ตรงนั้น
ขออย่าให้ผมสิ้นศรัทธาในตัวเอง
เพราะถ้าเป็นเช่นนั้น
ผมขอกระจอกแบบนี้
แต่ขอศรัทธาต่อความเอื้ออาทรจงอยู่กับผม
--^^
3 Comments:
ไอ้คำว่า เอื้ออาทร ตอนนี้ ความหมายมันก็เปลี่ยนไปแล้วนะคะ :D
นึกหาความบันเทิงให้พี่ได้อย่างนึง
ตอนนั้นพี่เคยเขียนประมาณว่าจะซื้อไอพอดดีมั้ย
นี่ไง ช่วงนี้นั่งรถนาน ฟังเพลงน่าจะมันส์นะ
อย่างน้อยก็สบายใจดีอะค่า :)
ป.ล.แต่ฝนว่าพี่คงอ่านหนังสือในรถมากกว่าอะ
วันก่อนมีวาสนาไปดูหนังที่เซ็นทรัล รามอินทรา
เพิ่งรู้ว่า...ที่นั้นมีโรงหนัง..ก็วันนั้นแหละ
บ้านนอกจริงๆ.......เหอๆๆ
...ตอนนี้ชอบฮัมเพลงนี้
เพิ่งรู้ว่าเหนื่อยแค่ไหน
ที่ต้องใช้ชีวิตลำพัง
.........
.........
ยามค่ำคืน ยังยืนมองขอบฟ้า
เธอสบตากับฉันบ้างหรือป่าว
........
........
คาดว่า..อีกไม่กี่วันจะชอบเพลง หมุนโลก
Post a Comment
<< Home